นายกฯ เผยแนวทางการทำงานรัฐบาลในปี 53 มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่ง ภายใต้แนวคิด "ประเทศเดินหน้า ประชาเป็นสุข" ฉายภาพสังคมไทยกำลังก้าวจากระบบประชานิยมสู่ระบบสวัสดิการตามสิทธิ โดยกำหนดแผนงานเร่งด่วนด้านเศรษฐกิจสำคัญ 10 เรื่อง ส่วนการแถลงผลงาน 1 ปี นำพา ศก.ปี 52 ก้าวพ้นวิกฤต อัตราว่างงานต่ำที่ 1.2% "ส่งออก-ท่องเที่ยว-บริโภค" ดีขึ้น ส่งผลให้ "จีดีพี" ปลายปี 52 พลิกเป็นบวก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 1 ปี โดยระบุว่า รัฐบาลประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทย ไตรมาส 4 ปี 2552 จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกในอัตรา 2.7-3.2% จากการปรับตัวดีขึ้นของภาคการส่งออก การท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุนภาครัฐ ซึ่งทำให้ทั้งปี 2552 เศรษฐกิจไทยจะติดลบประมาณ 3% ดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งเดิมเมื่อต้นปีคาดว่าอาจจะติดลบสูงถึง 4%
ส่วนอัตราเงินเฟ้อปีนี้จะติดลบ 0.9% และมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 22.3 พันล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 8.8% ของผลิตภัณฑ?มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี)
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงและข้อจำกัดในช่วงต่อไป คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบาง โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล การลงทุนภาคเอกชนจะมีแรงกระตุ้นในปีหน้าเมื่อการลงทุนตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งดำเนินการได้มากขึ้น และปัญหาการเมืองอันเนื่องจากความขัดแย้งทางความคิดของกลุ่มการเมืองที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดความรุนแรงและกระทบต่อความเชื่อมั่นของไทย
สำหรับการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ช่วงที่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศถือได้ว่าอยู่ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจ แต่จากนโยบายการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยจะเป็นได้จากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มติดลบน้อยลง การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น จนทำให้เศรษฐกิจในขณะนี้ฟื้นตัวเป็นรูปตัว V
ที่สำคัญคือการลดลงของจำนวนผู้ว่างงานจาก 7-8 แสนคนในช่วงต้นปี 2552 ลงมาอยู่ที่ 4 แสนคนในขณะนี้ หรือมีอัตราการว่างงานไม่เกิน 1.2% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งถือเป็นระดับปกติเมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจทั่วไป
"ผมมีความภาคภูมิใจ เพราะไปประชุมต่างประเทศบ่อย ตัวเลขที่ผู้นำรัฐบาลทุกประเทศเวลาพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ พอพูดเรื่อง GDP เสร็จก็ต้องมาพูดเรื่องตัวเลขปัญหาการว่างงาน และพอเขารับทราบว่าของเราลดลงมาหลายเดือนแล้วอยู่ในระดับที่ต่ำ แทบจะเรียกว่าเทียบเคียงกับอัตราปกติ เขายอมรับว่านั่นคือความสำเร็จในการฟันฝ่าปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจในรอบนี้"
นอกจากนี้ รัฐบาลยังระบุในเอกสารแถลงผลงานรัฐบาลว่า ในปี 2553 รัฐบาลมีแผนงานด้านเศรษฐกิจสำคัญ 10 เรื่อง ได้แก่ 1.การลงทุนเพิ่มเติมตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 2 แสนล้านบาท 2.การจัดตั้งกองทุนเงินออมเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตของประชาชน 3.การเร่งรัดออก พ.ร.บ.ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพื่อสร้างความเป็นธรรมในสังคม 5.การจัดตั้งธนาคารที่ดิน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง 6.การเร่งรัดโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
7.การเร่งรัดให้ทุกครัวเรือนมีไฟฟ้าใช้ด้วยการสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานทดแทน 8.การเร่งรัดออก พ.ร.บ.คุ้มครองสิทธิเสรีภาพและส่งเสริมมาตรฐานของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน 9.การลงทุนและพัฒนาระบบขนส่งมวลชนด้วยระบบราง โดยเฉพาะโครงการรถไฟรางคู่ การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้าและลดต้นทุน และ 10.การส่งเสริมและพัฒนาพลังงงานทดแทนทุกรูปแบบ
