รัฐบาล “มาร์ค” เร่งขายประชานิยมเอาใจรากหญ้า ชูนโยบายเร่งกระจายถือครองที่ดินรูปแบบโฉนดชุมชนทั่วประเทศ หลัง ส.ป.ก.ทำรัฐบาลล้มไม่เป็นท่ามาแล้ว “มาร์ค” ย้ำ กระจายอย่างเป็นธรรม เปิดโอกาสหารายได้ เข้าหาแหล่งเงินทุน สกัดปัญหาที่ดินตกอยู่ในมือนายทุน อ้างดึงมวลชนเข้าร่วม ยาหอมบอกก่อนสิ้นเดือนกันยายนนี้เริ่มดำเนินการได้
วันนี้ (28 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การกระจายการถือครองที่ดินในรูปแบบโฉนดชุมชน” โดยมีตัวแทนภาคประชาชน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นักวิชาการ องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนกว่า 200 คนเข้าร่วม
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานในนามของคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางการปฏิบัติตามนโยบายการกระจายถือครองที่ดิน ในคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ว่า การสัมมนาวันนี้สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลซึ่งแถลงไว้ต่อรัฐสภา ในช่วงที่รัฐบาลได้เข้าบริหารราชการแผ่นดิน ข้อที่ 4.2.1.8 ซึ่งระบุว่า “คุ้มครองและรักษาพื้นที่ที่เหมาะสมกับการทำเกษตรกรรมที่ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านชลประทาน เพื่อเป็นฐานการผลิตทางการเกษตรระยะยาว ฟื้นฟูคุณภาพดิน จัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรยากจนในรูปของธนาคารที่ดิน และเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิให้แก่เกษตรกรยากจนและชุมชนที่ทำกินในที่ดินของรัฐที่ไม่มีสภาพป่าแล้วในรูปโฉนดชุมชน และธนาคารที่ดิน” ซึ่งจากแนวทางนี้นายกรัฐมนตรีได้มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมา สอดคล้องกับการเรียกร้องของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย และมีการจัดตั้งอนุกรรมการ ทั้งนี้ การดำเนินการกรณีเรื่องโฉนดชุมชนได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากส่วนราชการหลายฝ่าย และขณะนี้การร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปแล้ว การจัดสัมมนาวันนี้เป็นการเติมเต็มในส่วนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีและรับฟังแนวทางนโยบายจากหลายภาคส่วน ซึ่งเข้ามาร่วมสัมมนาในวันนี้ เพื่อดำเนินการให้โฉนดชุมชนนั้นสัมฤทธิผลโดยเร็ว
จากนั้น นายอภิสิทธิ์ มอบนโยบายแนวคิดโฉนดที่ดินชุมชน ว่า นโยบายการกระจายการถือครองที่ดินชุมชนถือเป็นนโยบายสำคัญที่รับการผลักดัน ซึ่งหวังว่า จะได้รับประโยชน์จากเวทีนี้ในการสร้างความเข้าใจ รวบรวมปัญหาและความคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินนโยบายเพื่อให้นโยบายมีประสิทธิภาพต่อไป ปัญหาที่ดินทำกินถือว่าเป็นปัญหาคนส่วนใหญ่ของประเทศ ในบรรดาปัญหาของพี่น้องประชาชนที่แย่ที่สุด คือ ปัญหาการไร้ที่ดินทำกิน ไร้ที่อยู่อาศัย เพราะนั้นเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีพ เพราะฉะนั้นปัญหาที่ดินทำกินของพี่น้องประชาชนคนยากคนจนเป็นปัญหาที่มีการพูดกันมาช้านาน ตนเองเป็นนักการเมืองมา 17-18 ปี ก็กล้าพูดได้ว่า ในการทำงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกชุด ทุกปี และปีแล้วปีเล่า ข้อเรียกร้องจากประชาชนผ่านผู้แทน เรื่อยมา จะมีปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานของรัฐกับพี่น้องประชาชน ซึ่งเข้าไปครอบครองที่ดินอยู่เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ฉะนั้น ปัญหานี้ก็เป็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไขไม่อย่างนั้น คนยากคนจนที่ยากลำบากที่สุด ก็ไม่ได้รับโอกาส การแก้ไขปัญหาความยากจนก็จะแก้ไขไม่ได้
“เรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับความเป็นธรรมมีทั้งในมิติที่ว่าสินทรัพย์ที่ดีที่อยู่อาศัยถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างโอกาส สำหรับพี่น้องประชาชนด้วย เพราะฉะนั้นการกระจายการถือครองที่ดินไม่เป็นธรรม หรือมีคนซึ่งไม่สามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปสร้างโอกาสในการหารายได้ หรือเข้าแหล่งเงินทุน ปัญหาความเป็นธรรมที่ไม่อยู่ในสังคมก็จะถูกตรอกย้ำมากขึ้นๆ หรือจะขยายตัวเศรษฐกิจในภาพรวมเติบโตก็ตาม” นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของการพัฒนาด้วย เพราะถ้าการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินไม่สอดคล้องกับการอนุรักษ์ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ ซึ่งนับวันจะลดลงไป ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยแต่ทั่วโลก ปัญหาที่ตามมาความผันผวนของดินฟ้าอากาศ ปัญหาโลกร้อนก็จะกลายเป็นปัญหากลับมาทำลายการพัฒนาของทุกประเทศทั่วโลก เพราะฉะนั้นการจัดการในเรื่องนี้จึงมีความสำคัญต่อการเป็นแนวทางในการที่จะวางรากฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการจัดสรรและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติด้วย
นายกฯ กล่าวต่อว่า แน่นอนเรื่องที่ทำกินส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่พี่น้องเกษตรกรมีความต้องการ ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นปัจจัยสำคัญในเรื่องของอนาคต ของภาคการเกษตร ซึ่งรัฐบาลมองว่า อนาคตข้างหน้าเศรษฐกิจไทยต้องหวนกลับมาอาศัยความเข้มแข็ง ที่เราควรจะมีโดยพื้นฐานในด้านการเกษตร ทั้งในแง่ของการผลิตอาหารและพลังงานทดแทน พืชผลการเกษตร จะสามารถผลิตมากน้อยแค่ไหนก็จะผูกพันกับเรื่องโครงสร้างและการถือครองที่ดิน กระจายไปไม่มีประสิทธิภาพ ผลผลิตต่ำ หากมีการจัดสรรที่ดิน แต่ขาดหลักประกันก็ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เท่าที่ควร อย่างนี้เป็นต้น ดังนั้น ปัญหานี้รัฐบาลจึงเห็นว่าเป็นปัญหาใหญ่ จึงได้กำหนดเป็นนโยบายสำคัญอย่างชัดเจนในเรื่องที่จะต้องแก้ไขปัญหานี้ ไม่ใช่แค่เฉพาะการถือครองที่ดินเท่านั้น อย่างการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่มีอยู่มากที่เป็นปัญหา จึงได้จัดความสำคัญโดยการเข้าแก้ไขปัญหานี้สินเกษตรกรในกลุ่มเกษตรกรที่ถูกฟ้องร้อง และที่ดินกำลังจะหลุดจากมือ
“การแก้ไขปัญหาการถือครองที่ดินในอดีตรัฐบาลก็มีเครื่องมือหลายตัว แต่ว่าการใช้เครื่องมือต่างๆ ก็ยังมีปัญหา อย่างเรื่องของนโยบาย ส.ป.ก.4-01 การปฏิรูปที่ดินที่ถือว่าได้มีการดำเนินการกันมา ก็ทำได้บ้างมีข้อจำกัดบ้าง แต่ที่สำคัญที่สึดการแก้ไขปัญหาที่ดินในอดีต รัฐบาลก็จำกัดตัวเองในการออกเอกสารสิทธิ์ให้ สิ่งที่ตามมาและพบเห็นว่า การเปลี่ยนมือเมื่อเอกสารออกไปแล้ว หมายความว่าเราตั้งใจให้ที่ทำกินกับเกษตรกรที่จะใช้ที่ตรงนั้น แต่สุดท้ายจากข้อจำกัดของรูปแบบเอกสารสิทธิที่ดินเราพบความเป็นจริงว่า หลายครั้งเมื่อแก้ปัญหาไปแล้วที่ดินกลับไปตกอยู่ในมือของนายทุน คนที่มีฐานะ ในขณะที่คนมีปัญหาที่ทำกินก็จะต้องไปหาที่ทำกินใหม่ จนเกิดการบุกลุกป่าไม้เพิ่มเติม” นายกฯ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดนี้ต้องการผลักดันด้วยความเชื่อที่ว่า แนวทางนี้จะทำให้รัฐบาลมีความคล่องตัวในการเข้าแก้ปัญหาที่ดินทำกินได้มากยิ่งขึ้น และน่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่มีความยั่งยืน ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ 1.รูปแบบของโฉนดชุมชน จะทำให้มีกลไกในการที่จะติดตามดูแลว่า ที่ดังกล่าวถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ได้มีการแก้ไขปัญหา คือ เรื่องของที่อยู่อาศัยหรือการเกษตร และโดยไม่ได้มีการมอบเอกสารสิทธิ์ให้ตัวบุคคล จนอาจจะนำไปสู่การเปลี่ยนมือได้ แต่เป็นเรื่องของการมอบให้กับชุมชน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการจัดสรรที่ทำกินได้อย่างชัดเจน เมื่อรัฐบาลแก้ปัญหารูปแบบนั้นแล้วก็จะยังเป็นเช่นนั้นหลังจากเวลาผ่านไป 2.การทำนโยบายโฉนดชุมชนให้ประสบความสำเร็จได้ รัฐไม่สามารถทำได้โดยลำพัง จะสำเร็จได้ หมายถึงการร่วมตัวของพี่น้องประชาชน อาศัยพลังจากภาคประชาชนอย่างแท้จริงในการที่จะทำให้รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของประชาชน แต่หมายถึงการดึงกลไกของภาคประชาชนด้วยกันเองให้สามารถเข้ามีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่แก้ปัญหาในช่วงต้น แต่มีการติดตามประเมินตรวจสอบเมื่อระยะเวลาผ่านไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ประชาชนที่รวมตัวกัน และความเข้มแข็งของชุมชนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในแง่ของความสำเร็จของนโยบายทางด้านนี้ และเราคาดหวังไม่เพียงแต่ว่า เมื่อมีการจัดสรรโฉนดแล้วชุมชนจะดูแลพื้นที่ตรงนั้น ซึ่งื้นที่ต่อเนื่องอยู่กับป่า ชุมชนจะได้มีบทบาทในการรักษาและอนุรักษ์ต่อไป เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลนำมาใช้ในการทำงานร่วมกับพี่น้องประชาชนหลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในทุกภาค ในพื้นที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่อุทยาน พื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่ ส.ป.ก.บัดนี้รู้สึกยินดีที่พี่น้องประชาชนได้นำเรื่องเหล่านั้นมาให้รัฐบาลรับทราบ กำลังทำงานกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า จริงอยู่ยังมีอุปสรรคข้อจำกัดอยู่บ้าง ในหลายหน่วยงานเพราะเป็นแนวคิดใหม่ ก็ยังขาดความเข้าใจหรือยังมีความวิตกกังวลในแง่ของกฎระเบียบต่างๆ แต่ที่ผ่านมาก็พยายามเร่งคลี่คลายปัญหา แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่รัฐบาลพยายามเอาใจใส่แก้ปัญหาให้ลุล่วงไป การดำเนินการนโยบายโฉนดชุมชนหากจะเดินหน้าในระยะยาวต้องตราเป็นกฎหมายออกมา แต่เป็นที่ทราบว่ากระบวนการตรากฎหมายต้องใช้เวลา ดังนั้น ช่วงเวลาจากนี้ไปรัฐบาลจะถือว่าเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน รูปแบบการแก้ไขปัญหาจะเอาระเบียบสำนักนายกฯ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการโฉนดชุมชนมาใช้ และจะเร่งรัดระเบียบนี้เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบได้ภายในเดือนกันยายนนี้ จะเป็นก้าวสำคัญในการที่จะแก้ไขปัญหาที่ถือว่าเป็นปัญหาที่สะสมค้างคากันมาเป็นเวลานาน และเมื่อรัฐบาลเดินหน้าทำเรื่องนี้ สามารถขยายผลในการทำงานกับเครือข่ายของประชาชนได้ทั่วประเทศ รวมทั้งมีการนำเอาเทคโนโลยีในเรื่องสารสนเทศมาใช้ในการจำแนก และดูสภาพความเป็นจริงของที่ดินต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ครบวงจร และมีความยั่งยืนต่อไป