xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯตลาดยันปีหน้าศก.ฟื้น ดีทแฮล์มลุยต้นน้ำถึงปลายน้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ส.การตลาด ชี้ ธุรกิจค้าปลีกไทยปีเสือฟื้น โตพรวด 6.5% รับเศรษฐกิจเริ่มขาขึ้น ดีทแฮล์ม ปรับชื่อบริษัททั่วโลก”ดีเคเอสเอช” ชูความครบวงจรต้นน้ำยันปลายน้ำ เล็งปี 2555 ยึดหัวหาดร้านค้า 2.5 แสนแห่ง ผุดศูนย์ย่อยภูธร 30 แห่ง ปีหน้ารายได้โต 2 หลัก จากปีนี้โกย 1.1 แสนล้านบาท โตต่ำกว่า 10%

นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะหากรัฐบาลมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งลงทุนโครงการรถไฟฟ้า ฯลฯ หรือผลักดันโครงการไทยเข้มแข็งต่อเนื่อง ภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรกน่าจะมีทิศทางที่ดี ทั้งคาดการณ์ว่าแนวโน้มธุรกิจค้าปลีกในปีหน้านี้ มีอัตราการเติบโต 6-6.5% เมื่อเทียบกับปีนี้เติบโต 6%

โดยพบว่าผู้บริโภคเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอย ในช่วงเดือนสิงหาคมและปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤศจิกายน จากสถานการณ์การเมืองที่นิ่ง แม้ว่าจะมีการประท้วงเกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีความรุนแรง ส่วนภาพรวมสินค้าอุปโภคบริโภคปีนี้เติบโต 4-5% โดยการเติบโตมาจากมูลค่ามากกว่าในเชิงปริมาณ

“ถ้าภาวะเศรษฐกิจดี ผู้ประกอบการจะโฟกัสในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ต่างกับในภาวะเศรษฐกิจถดถอย จะเน้นกิจกรรมส่งเสริมการขาย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ส่วนสื่อแมสมีเดีย ยังใช้ได้ผลและสร้างการรับรู้ในวงกว้าง ขณะที่สื่อดิจิตอล เจาะกลุ่มเป้าหมายนิชมาร์เก็ตหรือเฉพาะแต่คนรุ่นใหม่เท่านั้น”

****ดีเคเอสเอชชูความวงจรลุยตลาด

นายสจ๊วต เดวี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ดีเคเอสเอช โฮลดิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจกระจายสินค้า เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทจากนี้ไป ได้วางตำแหน่งใหม่โดยเป็นผู้ร่วมขยายตลาด วางกลยุทธ์ พัฒนาศักยภาพสินค้า ทั้งในประเทศและขยายไปตลาดต่างประเทศ ซึ่งเข้ามาเสริมการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจกระจายสินค้าให้มีความแข็งแกร่งและครบวงจรมากยิ่งขึ้น โดยดำเนินการโมเดลดังกล่าวตั้งแต่เมื่อปลายปี 2551 และได้เปลี่ยนชื่อใหม่จากบริษัทดีทแฮล์ม เป็น บริษัทดีเคเอสเอช ซึ่งทยอยปรับเปลี่ยน 35 ประเทศทั่วโลก กว่า 460 แห่ง ทั้งนี้เพื่อสื่อถึงความเป็นหนึ่งและเพิ่มความแข็งแกร่งให้แบรนด์

สำหรับประเทศไทยการปรับชื่อบริษัทเริ่มมีผลวันที่ 1 มกราคม 2553 มีแผนมุ่งเน้นขยายตลาดแนวลึกและเจาะตลาดโดยตรง โดยการเป็นผู้กระจายสินค้าที่ครอบคลุมร้านค้า 2.5 แสนแห่ง ในปี 2555 จากปัจจุบันมีราว 8-9 หมื่นแห่ง ซึ่งบริษัทเปิดศูนย์กระจายสินค้าขึ้นเป็นครั้งแรก จากเดิมระบบการกระจายสินค้าใช้ภายใต้มีศูนย์กลางที่ในกรุงเทพฯ ทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่ ศูนย์กลางกระจายสินค้าเพื่อสุขภาพและอุปโภคบริโภค 2 แห่ง ที่ บางนา และศูนย์กลางกระจายสินค้าแช่เย็น 1 แห่ง ที่ บางปู โดยบริษัทจะเพิ่มศูนย์กระจายสินค้า 30 แห่ง ในต่างจังหวัด ภายในปี 2555 เบื้องต้นขนาดของศูนย์ฯ 2-3 คูหา ซึ่งจะเป็นการลงทุนเองทั้งหมด

“ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของเครือข่ายการให้บริการของดีเคเอสเอชในภูมิภาคเอเชีย”

นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงสร้างของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปประกอบกับบริษัทมีความรู้ในเรื่องการตลาด ทำให้บริษัทวางตำแหน่งการดำเนินธุรกิจใหม่เพื่อให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งการช่วยเพิ่มศักยภาพสินค้า การปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ หาวัตถุดิบเพิ่มสร้างมูลค่า หรือสั่งซื้อเครื่องจักร เน้นผู้ประกอบการระดับกลางและรายเล็ก ซึ่งปัจจุบันมีราว 30-40 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 25-30% ของรายได้ ล่าสุดทุ่มงบ 500-600 ล้านบาท เปิดตัวสำนักงานใหม่ 1 แห่ง ย่านสุขุมวิท คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2554

“เราได้ปรับโมเดลธุรกิจมาต่อเนื่อง ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทุ่มงบ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบ 3,000 ล้านบาท สำหรับการเปิดศูนย์กลางกระจายสินค้า 3 แห่ง และอีก 1,000 ล้านบาท ลงทุนระบบสารสนเทศ อีกทั้งพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งขณะนี้พร้อมแล้ว”

บริษัทตั้งเป้าปีหน้ารายได้เติบโตสองหลัก จากปีนี้เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย หรือมีรายได้ 1 .1 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมากว่า 1 แสนล้านบาท จากการเป็นผู้กระจายสินค้า 4 หน่วยธุรกิจ ได้แก่ 1.กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 40% และสินค้าเพื่อสุขภาพ 40% ที่เหลือ 20% เป็นกลุ่มเคมีภัณฑ์ ยา และเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับทั่วโลก สัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค 45% เพื่อสุขภาพ 35% ที่เหลือ 20% เป็นกลุ่มเคมีภัณฑ์ ยา และเทคโนโลยี
กำลังโหลดความคิดเห็น