"มาร์ค" ยันอีก 3 เดือนเปิดใช้แอร์พอร์ตลิ้งค์เป็นทางการ ย้ำรถไฟสายสีม่วงเอกชนร่วมลงทุน เผยอาจทำ "รถใต้ดิน- ลอยฟ้า- รถเมล์" ตั๋วเดียว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การเปิดทดสอบวิ่งรถไฟฟ้าที่เชื่อมระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิ กับสถานีมักกะสัน (แอร์พอร์ตลิงค์) ว่าเมื่อโครงการนี้ดำเนินการได้คือเปิดได้จริง ซึ่งคาดว่าประมาณ 3 เดือนจากนี้ไปก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนที่จะไปสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถที่จะขึ้นรถไฟฟ้าได้จากทางสถานีที่มักกะสัน รวมทั้งผู้โดยสารที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะสามารถที่จะเช็คอินได้จากตัวสถานีได้เลย รถที่ใช้นั้นจะวิ่งระยะทาง 28 กิโลเมตร โดยใช้เวลา 15 นาที มีความเร็วสูงสุดถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตนได้ไปลองนั่งมาแล้ว ก็ประทับใจมาก แล้วก็บริการนี้เมื่อเปิดขึ้นก็จะเก็บค่าโดยสารที่ 150 บาทโดยประมาณ กำลังจะดูรายละเอียด แต่ว่า 150 บาทนั้น ก็จะเป็นราคาที่ถือว่าถูกมาก และก็ถูกกว่าบริการแบบเดียวกันถ้าเทียบเคียงกับสนามบินในเมืองใหญ่ๆ อื่นๆ ในโลก
"นอกเหนือจากรถด่วนที่วิ่ง 15 นาทีแล้ว ยังจะมีรถที่วิ่งจอดประมาณ 6 สถานี ระหว่างมักกะสัน กับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสารจะไปสูงสุดอยู่ที่ 45 บาท นั่นคือระบบขนส่งมวลชนโครงการอีกโครงการหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลตั้งใจที่จะให้เปิดใช้บริการได้ในอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า"
สำหรับกรณีของรถไฟฟ้าซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งมีการดำเนินการในเรื่องของการก่อสร้างอยู่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการพิจารณา ว่าในเรื่องของการวิ่งรถนั้นจะใช้ระบบใด คือก่อนหน้านี้เราก็จะมีเอกชนเข้ามารับสัมปทาน แล้วก็จะเข้ามาลงทุนส่วนหนึ่งหรือลงทุนทั้งหมด แต่จะใช้วิธีการในการที่จะแบ่งรายได้คือการจัดเก็บค่าโดยสารกับทางรัฐบาล แต่ในปัจจุบันและในอนาคต รัฐบาลจะเปลี่ยนแนวคิดครับว่าวิธีการในการที่จะเข้ามาร่วมลงทุนกับภาคเอกชนนั้น เราให้เอกชนเข้ามาลงทุนในการวิ่งรถ แต่ว่าเราจะให้ค่าตอบแทน พูดง่าย ๆ เหมือนกับเราซื้อบริการจากทางเอกชนไปว่าเขาเข้ามาลงทุนอย่างนี้แล้ว เขาจะมีค่าตอบแทนเท่าไร แต่ในขณะที่เรื่องของการจัดเก็บค่าโดยสารนั้นก็จะเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับประชาชนโดยตรง ด้วยวิธีจะช่วยให้เราสามารถที่จะมีความยืดหยุ่นในการบริหารในเรื่องของค่าโดยสารที่เหมาะสมได้ พร้อม ๆ กันไปนั้นการที่จะเดินไปสู่การเป็นระบบตั๋วเดียว ระหว่างรถไฟฟ้า รถใต้ดิน รถลอยฟ้าด้วยกันก็ดี หรือแม้กระทั่งที่จะเชื่อมโยงไปถึงรถเมล์ในอนาคตก็ทำได้ง่ายขึ้น เพราะว่าเรื่องของการเก็บค่าโดยสารจะไม่มีข้อผูกพันใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชน
"เวลานี้ที่รัฐบาลกำลังจะต้องตัดสินใจอยู่อีกเรื่องเดียวเท่านั้นเองว่า ในเรื่องของการมาวิ่งรถของทางภาคเอกชนนั้น ควรจะเป็นการให้เอกชน พูดง่าย ๆ ก็คือว่ารถก็เป็นของเอกชนไปเลย มาวิ่งให้เราอย่างเดียวเราก็กำหนดในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย ความถี่ และปริมาณการให้บริการ หรือจะยังเป็นกรณีซึ่งรถนั้นจะโอนมาเป็นทรัพย์สินของรัฐ แต่ว่าหลักสำคัญที่พูดตอนแรกก็คือต่อจากนี้ไปเป็นเรื่องของการลงทุนของภาคเอกชน ส่วนการจัดเก็บค่าโดยสารค่าบริการนั้นก็จะเป็นเรื่องระหว่างรัฐกับประชาชน เป็นแนวทางที่รัฐบาลจะนำมาใช้ สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายอื่น ๆ ต่อไปในอนาคตด้วย อันนี้ก็เป็นความคืบหน้าที่สำคัญเรื่องหนึ่ง" นายกฯ กล่าว.
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การเปิดทดสอบวิ่งรถไฟฟ้าที่เชื่อมระหว่างสนามบินสุวรรณภูมิ กับสถานีมักกะสัน (แอร์พอร์ตลิงค์) ว่าเมื่อโครงการนี้ดำเนินการได้คือเปิดได้จริง ซึ่งคาดว่าประมาณ 3 เดือนจากนี้ไปก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนที่จะไปสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถที่จะขึ้นรถไฟฟ้าได้จากทางสถานีที่มักกะสัน รวมทั้งผู้โดยสารที่จะเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะสามารถที่จะเช็คอินได้จากตัวสถานีได้เลย รถที่ใช้นั้นจะวิ่งระยะทาง 28 กิโลเมตร โดยใช้เวลา 15 นาที มีความเร็วสูงสุดถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตนได้ไปลองนั่งมาแล้ว ก็ประทับใจมาก แล้วก็บริการนี้เมื่อเปิดขึ้นก็จะเก็บค่าโดยสารที่ 150 บาทโดยประมาณ กำลังจะดูรายละเอียด แต่ว่า 150 บาทนั้น ก็จะเป็นราคาที่ถือว่าถูกมาก และก็ถูกกว่าบริการแบบเดียวกันถ้าเทียบเคียงกับสนามบินในเมืองใหญ่ๆ อื่นๆ ในโลก
"นอกเหนือจากรถด่วนที่วิ่ง 15 นาทีแล้ว ยังจะมีรถที่วิ่งจอดประมาณ 6 สถานี ระหว่างมักกะสัน กับสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งจะใช้เวลา 30 นาที ค่าโดยสารจะไปสูงสุดอยู่ที่ 45 บาท นั่นคือระบบขนส่งมวลชนโครงการอีกโครงการหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลตั้งใจที่จะให้เปิดใช้บริการได้ในอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า"
สำหรับกรณีของรถไฟฟ้าซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งมีการดำเนินการในเรื่องของการก่อสร้างอยู่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการพิจารณา ว่าในเรื่องของการวิ่งรถนั้นจะใช้ระบบใด คือก่อนหน้านี้เราก็จะมีเอกชนเข้ามารับสัมปทาน แล้วก็จะเข้ามาลงทุนส่วนหนึ่งหรือลงทุนทั้งหมด แต่จะใช้วิธีการในการที่จะแบ่งรายได้คือการจัดเก็บค่าโดยสารกับทางรัฐบาล แต่ในปัจจุบันและในอนาคต รัฐบาลจะเปลี่ยนแนวคิดครับว่าวิธีการในการที่จะเข้ามาร่วมลงทุนกับภาคเอกชนนั้น เราให้เอกชนเข้ามาลงทุนในการวิ่งรถ แต่ว่าเราจะให้ค่าตอบแทน พูดง่าย ๆ เหมือนกับเราซื้อบริการจากทางเอกชนไปว่าเขาเข้ามาลงทุนอย่างนี้แล้ว เขาจะมีค่าตอบแทนเท่าไร แต่ในขณะที่เรื่องของการจัดเก็บค่าโดยสารนั้นก็จะเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาลกับประชาชนโดยตรง ด้วยวิธีจะช่วยให้เราสามารถที่จะมีความยืดหยุ่นในการบริหารในเรื่องของค่าโดยสารที่เหมาะสมได้ พร้อม ๆ กันไปนั้นการที่จะเดินไปสู่การเป็นระบบตั๋วเดียว ระหว่างรถไฟฟ้า รถใต้ดิน รถลอยฟ้าด้วยกันก็ดี หรือแม้กระทั่งที่จะเชื่อมโยงไปถึงรถเมล์ในอนาคตก็ทำได้ง่ายขึ้น เพราะว่าเรื่องของการเก็บค่าโดยสารจะไม่มีข้อผูกพันใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชน
"เวลานี้ที่รัฐบาลกำลังจะต้องตัดสินใจอยู่อีกเรื่องเดียวเท่านั้นเองว่า ในเรื่องของการมาวิ่งรถของทางภาคเอกชนนั้น ควรจะเป็นการให้เอกชน พูดง่าย ๆ ก็คือว่ารถก็เป็นของเอกชนไปเลย มาวิ่งให้เราอย่างเดียวเราก็กำหนดในเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย ความถี่ และปริมาณการให้บริการ หรือจะยังเป็นกรณีซึ่งรถนั้นจะโอนมาเป็นทรัพย์สินของรัฐ แต่ว่าหลักสำคัญที่พูดตอนแรกก็คือต่อจากนี้ไปเป็นเรื่องของการลงทุนของภาคเอกชน ส่วนการจัดเก็บค่าโดยสารค่าบริการนั้นก็จะเป็นเรื่องระหว่างรัฐกับประชาชน เป็นแนวทางที่รัฐบาลจะนำมาใช้ สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายอื่น ๆ ต่อไปในอนาคตด้วย อันนี้ก็เป็นความคืบหน้าที่สำคัญเรื่องหนึ่ง" นายกฯ กล่าว.
