xs
xsm
sm
md
lg

SCC-PTTหนัก เซ่นมาบตาพุด ฉุดจีดีพีปี 53 ร่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปตท.เดินหน้า 7 โครงการในมาบตาพุดที่ได้รับการยกเว้นทันที “ประเสริฐ”โล่งอก โรงแยกก๊าซหน่วย 6 รอด ช่วยลดปริมาณนำเข้าแอลพีจีจากต่างแดนได้ ส่วนโครงการที่เหลือมั่นใจจะได้รับการอนุมัติทำต่อ เพราะทำตาม กฏหมายทุกประการ ขณะที่ปูนใหญ่ โดนเบรก 18 โครงการมูลค่าลงทุน 5.7 หมื่นล้าน ยอมรับจะเกิดความล่าช้าแต่กำลังผลิตเดิมยังเต็มที่ เช่นเดียวกับรายอื่นที่บางงานยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง เป็นแค่โครงการในกระดาษ ฟากแบงก์นครหลวงไทย ทุกสินเชื่อรอด ขณะที่ KBANK และTMB มีวงเงินสินเชื่อที่กระทบในหลักพันล้านบาท ด้านโบรกฯประเมินกระทบจีดีพีปีหน้า 2.2% และหากปล่อยล่าช้าออกไปอีก จะฉุดจีดีพีลง 0.5% ทุกระยะ 3 เดือน

หลังจากศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำสั่งระงับ 65 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดให้หยุดดำเนินการชั่วคราวนั้น ล่าสุดตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ให้บริษัทจดทะเบียนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าชี้แจงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นแล้ว โดย นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) (PTT) กล่าวว่า 11 โครงการที่ให้ดำเนินการได้ต่อไป ในจำนวนนั้น เป็นโครงการของปตท.และเครือปตท. 7 โครงการ และยังมีอีกส่วนหนึ่งตามการตีความของฝ่ายกฎหมายปตท. จำนวน 3 โครงการที่ผ่านความเห็นชอบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA)ก่อนที่กฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับใช้ 20 ส.ค. 2550 คือ โรงแยกก๊าซฯ หน่วยที่ 6 โครงการส่วนขยายเม็ดพลาสติกHDPEของบางกอกโพลีเอทิลีน และโครงการผลิตเอทานอลเอมีน ทำให้ปตท.เบาใจไประดับหนึ่ง เนื่องจากโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 6 เป็นโครงการสำคัญที่จะป้อนวัตถุดิบให้โรงงานปิโตรเคมีในเครือฯ และจะมีปริมาณแอลพีจีส่วนหนึ่งป้อนให้ประเทศทดแทนการนำเข้าด้วย

สำหรับโครงการที่ไม่ผ่านนั้น ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองกลาง แต่เชื่อว่าเมื่อทุกโครงการทำครบตามกฎหมายก็สามารถเดินเครื่องผลิตได้ ก็คงต้องรีบดำเนินการ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานมากนัก

ด้าน นายชายน้อย เผื่อนโกสุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) กล่าวว่า โครงการในเครือปตท.ที่ยังถูกระงับโครงการได้แก่ โครงการร่วมทุนกับอาซาฮี โครงการขยายกำลังผลิตฟีนอลและโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก ส่วนโครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน (ยูโร 4)ของPTTAR และโรงกลั่นสตาร์ปิโตรเลียมฯ ตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดอนุญาตให้โครงการนี้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะขอให้รัฐยืดการบังคับใช้น้ำมันยูโร 4 จากเดิมที่กำหนดไว้ต้นปี 2555

ส่วน บมจ.ปตท.เคมีคอล (PTTCH) มีโครงการที่ได้ถูกคำสั่งระงับด้วยเช่นกัน แต่ โครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ ได้รับการยกเว้นจึงสามารถดำเนินการได้

**ปูนใหญ่โดน18โครงการ 5.7 หมื่น ล.

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย ( SCC) ออกมาชี้แจงว่า บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (หรือ SCG Chemicals) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCC มีโครงการในพื้นที่ดังกล่าวทั้งสิ้น20 โครงการ แต่ได้รับการยกเว้นเพียง 2 โครงการ ทำให้อีก 18 โครงการที่เหลือไม่สามารถดำเนินการต่อได้ โดยเป็นโครงการใหม่ เช่นโครงการขอขยายกำลังการผลิต หรือขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ซึ่งมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 57,500 ล้านบาท และบางส่วนพร้อมที่จะเปิดดำเนินการแล้ว โดยจะทยอยเปิดตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2553 ทำให้คาดว่าจะล่าช้าออกไปบ้าง แต่ไม่มีผลกระทบกับกำลังการผลิตเดิม

**รายอื่นยืนยันไม่กระทบกำลังผลิตเดิม

ด้าน บมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) ระบุว่า ใน 65 โครงการที่ถูกระงับนั้น มีของบริษัท จำนวน 2 โครงการ เงินลงทุนรวมประมาณ 280 ล้านบาท แต่คำสั่งดังกล่าวไม่มีผลกระทบกับกำลังการผลิตเดิมของบริษัทฯ ขณะที่ บมจ.มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ (MILL) กล่าวว่า บริษัทย่อย "บจก.บี อาร์ พีสตีล" มีรายชื่ออยู่ใน 65 โครงการ แต่ยังมิได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างส่วนขยายใดๆ จึงไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ ที่กระทบต่อบริษัท เหมือนกับ บมจ.ไทยคูน เวิลด์ไวด์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) ( TYCN) ที่ระบุว่าที่ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบกับกำลังการผลิตเดิม เหมือนฟาก บมจ. จี สตีล (GSTEEL) ที่ชี้แจงว่า โครงการที่ถูกระงับ เป็นโครงการขยายส่วนผลิตเหล็กปรับสภาพผิว ที่ไม่มีผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจปกติ

สุดท้าย บมจ. วีนิไทย ( VNT) โครงการของบริษัทที่ถูกระงับในครั้งนี้คือโครงการส่วนขยายโรงงานคลอร์อัลคาไลและการปรับปรุงการผลิตโรงงานไวนิล แต่ด้วยยังเป็นโครงการที่บริษัทวางแผนที่จะมีการขยายกำลังการผลิตในอนาคต จึงไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน

**3แบงก์เผยมีปล่อยกู้มาบตาพุด

นายสุรศักดิ์ ดุษฎีเมธา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อเป็นวงเงินกว่า 2 พันล้านบาท ให้กับลูกค้า 1 โครงการที่อยู่ใน 65 โครงการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุด ซึ่งถูกระงับการดำเนินงานตามคำสั่งศาลปกครองกลาง โดยสินเชื่อดังกล่าวมีการเบิกใช้ไปแล้วประมาณ 50% ของวงเงินทั้งหมด

ด้านนายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) กล่าวว่า ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อในโครงการที่ถูกระงับการลงทุนในมาบตาพุด โดยมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อที่ไม่แตกต่างจากธนาคารแห่งอื่นๆ แต่ได้มีการประเมินแล้วว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่เกิดขึ้น และยังไม่มีระงับการเบิกวงเงินสินเชื่อกับลูกค้า เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวยังมีโครงการเดิมที่มีสภาพคล่อง และมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอในการชำระหนี้

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า โครงการส่วนใหญ่ที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้นั้นอยู่ใน 11 โครงการที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้เดินหน้าลงทุนต่อไปได้ ดังนั้นตามเงื่อนไขของสัญญาบริษัทต่างๆ ก็จะยังสามารถเบิกจ่ายสินเชื่อต่อไปได้ ธนาคารจึงไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงและยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น โดยยอดอนุมัติสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แต่ก็ต้องมีการพิจารณาลึกลงไปในแต่ละกรณี

**โบรกฯ มองกระทบจีดีพีปีหน้า 2.2%

ด้าน บล.เคจีไอ ระบุว่า จากการคำนวณผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2553 หลัง 65 โครงการในนิคมมาบตาพุดต้องล่าช้าออกไป เริ่มจากประมาณการเดิมว่าการลงทุนภาคเอกชนในปีหน้า จะมีมูลค่าเท่ากับ 6.8 แสนล้านบาท หรือ 15.7% ของจีดีพีปี 2553 และจากข้อมูลที่มี ณ ปัจจุบัน ประเมินว่ามูลค่าการลงทุนในนิคมฯ ที่น่าจะต้องล่าช้าออกไป น่าจะอยู่ที่ 2.5 แสนล้านบาท หรือ2.2% ของจีดีพี โดยหากโครงการต่างๆ ที่มีปัญหาถูกเลื่อนออกไปทุก 3 เดือน จะมีผลกระทบต่อจีดีพีประมาณ 0.5% ให้ลดลงจากจีดีพี กรณีฐานของปี 2553 ที่คาดว่าจะเติบโต 3%
กำลังโหลดความคิดเห็น