xs
xsm
sm
md
lg

ถกด่วนมาบตาพุดวันนี้ "มาร์ค" นัดกู้ซาก ห่วงยักษ์ใหญ่ "ปตท.-ปูน" ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ห่วงยักษ์ใหญ่ติดหล่ม "มาบตาพุด" คาดยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ บทเรียนสอนใจธุรกิจที่ละเลยผลกระทบสุขภาพประชาชน "ปตท." รายงาน 7 โครงการลงทุนในมาบตาพุด สามารถเดินหน้าได้ คาดผลกระทบประมาณ 6 หมื่นล้าน ขณะที่ "ปูนใหญ่" เผย 18 โครงการในมาบตาพุดยังถูกระงับ เงินลงทุนรวม 5.75 หมื่นล้าน "แบงก์ทหารไทย" ยันไม่ถูกกระทบปล่อยกู้โครงการในมาบตาพุด มั่นใจธุรกิจเดิมของลูกค้ายังมีสภาพคล่องสูง "มารค์" นัดประชุมด่วนเพื่อหาทางออก เย็นวันนี้ "สุวิทย์" ห่วงผลกระทบ ศก.โดยรวม ยันต้องดำเนินการตามระเบียบ แล้วความเชื่อมั่นจะกลับคืน หากเพิกเฉย-เล่นนอกประเด็น ละเลยผลกระทบเหมือนที่ผ่านมา อาจจะโดนข้อหาละเว้นคำพิพากษา

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ชี้แจงกรณีศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งแก้ไขคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลาง โดยให้หน่วยงานของรัฐมีคำสั่งระงับโครงการหรือกิจกรรมจำนวน 76 โครงการ ท้ายคำฟ้องไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ยกเว้นแต่จะเป็นโครงการหรือกิจกรรมจำนวน 11 โครงการ ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการของ ปตท.เองโดยตรง และในกลุ่ม ปตท. จำนวน 7 โครงการ เป็นผลให้โครงการดังกล่าวสามารถดำเนินได้ต่อไป ดังนี้

โครงการลงทุนของ PTT โดยตรง เป็นโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติ หน่วยที่ 6 (การเพิ่มประสิทธิภาพระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำทิ้งเพื่อหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ โครงการอุตสาหกรรม ลำดับที่ 50)

บริษัท ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR เป็นโครงการเชื้อเพลิงสะอาดและปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ (โครงการอุตสาหกรรมลำดับที่ 16) และโครงการติดตั้งระบบควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิงและเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล (โครงการอุตสาหกรรม ลำดับที่ 41)

บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH เป็นโครงการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการท่าเทียบเรือและคลังผลิตภัณฑ์ (การเพิ่มถังและอุปกรณ์ขนถ่าย LPG/Butene-1) (โครงการคมนาคม ลำดับที่ 1) , บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด เป็น โครงการปรับปรุงระบบหมุนเวียนก๊าซกลับคืนของโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกชนิดโพลิโพรพิลีน (โครงการอุตสาหกรรม ลำดับที่ 22)

บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง เป็นโครงการผลิตเชื้อเพลิงสะอาด ติดตั้งหน่วยควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล (เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ) (โครงการอุตสาหกรรม ลำดับที่ 37) และ โครงการติดตั้ง Loading Arm เพิ่มเติมที่ท่าเทียบเรือ (โครงการคมนาคม ลำดับที่ 6)

**ปูนใหญ่ครวญผลกระทบเฉียด6หมื่นล้าน

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยว่า ตามที่ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งให้ 8 หน่วยงานราชการระงับโครงการ 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุดและพื้นที่ใกล้เคียงไว้เป็นการชั่วคราว และศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งเมื่อวันนี้ โดยระบุว่า โครงการตามท้ายคำฟ้องทั้งหมด 76 โครงการ ปรากฏรายชื่อโครงการในกลุ่มบริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (หรือ SCG Chemicals) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SCC จำนวนทั้งสิ้น 20 โครงการ

โดยผลของคำสั่งศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวข้างต้นคงเหลือ 18 โครงการที่จะถูกระงับโครงการไว้เป็นการชั่วคราว โดย 2 โครงการได้รับการยกเว้นตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด พร้อมระบุว่าทั้ง 18 โครงการ เป็นโครงการใหม่ โครงการขอขยายกำลังการผลิต หรือขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการโดยมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 57,500 ล้านบาท

โครงการดังกล่าวบางส่วนพร้อมที่จะเปิดดำเนินการแล้ว ขณะที่บางส่วนจะทยอยเปิดดำเนินการตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 53 เป็นต้นไป ซึ่งปูนซิเมนต์ไทย คาดว่าจากคำสั่งดังกล่าวอาจทำให้โครงการล่าช้าไปบ้าง และขณะนี้ ปูนซิเมนต์ไทย อยู่ระหว่างการหารืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานราชการและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาข้อสรุปและแนวทางปฏิบัติร่วมกันให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม ปูนซิเมนต์ไทยขอเรียนว่าคำสั่งดังกล่าว ไม่มีผลกระทบกับกำลังการผลิตเดิมที่ SCG Chemicals มีอยู่ และยังคงสามารถเปิดดำเนินการได้ตามปกติ

**ธ.ทหารไทย ยันสินเชื่อยังไม่เสียหาย

นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB กล่าวยอมรับว่า ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อในโครงการที่ถูกระงับการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยธนาคารมีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อที่ไม่แตกต่างจากธนาคารแห่งอื่น แต่ได้มีการประเมินแล้วว่าธนาคารจะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่เกิดขึ้น และยังไม่มีระงับการเบิกวงเงินสินเชื่อ เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้ยังมีโครงการเดิมที่มีสภาพคล่อง มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอในการชำระหนี้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธ.ทหารไทย กล่าวเสริมว่า ตอนนี้แบงก์กำลังเช็กตัวเลขการปล่อยสินเชื่อว่า มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน แต่จากการประเมินเบื้องต้น ธนาคารไม่มีผลกระทบจากการที่ศาลสั่งระงับการลงทุนในโครงการที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อ เพราะดูแล้วว่า ธุรกิจของลูกค้ายังมีโครงการเดิมที่ยังมี cash flow เพียงพอชำระหนี้ ทำให้เราไม่มีการหยุดการปล่อยสินเชื่อ

** "มาร์ค" นัดถกด่วนหาทางออก วันนี้

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมคณะกรรมการทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาโครงการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เวลา 16.00 น. วันนี้ ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) จังหวัดนนทบุรี

"นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมหน่วยงานรัฐทั้ง 8 หน่วยงานที่ทำการยื่นอุทธรณ์ ตลอดจนคณะกรรมการ 4 ฝ่ายเข้าไปร่วมหาแนวทางและทำความเข้าใจหลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งกรณีปัญหาการลงทุนในมาบตาพุด เพื่อหาแนวทางที่ชัดเจนให้ภาคเอกชนสามารถเดินหน้าต่อไปได้"

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศแนวทางการปฏิบัติก่อนที่ร่างแก้ไข พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จะเข้าสู่กระบวนการของสภาผู้แทนราษฎรในช่วงกุมถาพันธ์ 2553 ซึ่งคาดว่าจะเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 สัปดาห์

ด้านนายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ทุกฝ่ายคงต้องเคารพคำตัดสิน และดำเนินการตามคำสั่งศาล สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือ การดูรายละเอียดของคำพิพากษาเพื่อนำมาแก้ไขปัญหา

สำหรับโครงการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และโครงการที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ก็ต้องดูว่ามีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด จากนั้นต้องหาวิธีลดผลกระทบ ถ้าดำเนินการได้ตามที่วางแผนไว้ ก็สามารถจะดำเนินโครงการต่อไปได้ แต่ต้องนำคำพิพากษาของศาลมาดูรายละเอียดว่า ควรจะดำเนินการให้ถูกทางและถูกวิธีได้อย่างไร ส่วนการให้น้ำหนักการช่วยเหลือ รัฐบาลยืนยันว่าให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งประชาชน โรงงานอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบก็ต้องดูให้เกิดความเหมาะสม

"ประเมินกันว่า เศรษฐกิจโดยรวมจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาดำเนินการ แต่ไม่ได้ลงทุน ฉะนั้นผลกระทบจึงเกิดขึ้นแน่ และเมื่อผลกระทบเกิดขึ้นมา รัฐบาลก็ต้องแก้ไข และต้องเร่งรัดดำเนินการเรื่องโครงการต่างๆ ต่อไป"

รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ำว่า ต้องดำเนินการตามคำพิพากษาของศาล โดยเชื่อว่า เมื่อถึงเวลานั้นความเชื่อมั่นจะกลับคืนมาได้ ส่วนคณะกรรมการ 4 ฝ่ายที่รัฐบาลตั้งขึ้น ควรจะต้องดูแลเรื่องดังกล่าวให้สอดคล้องกับคำพิพากษา เพราะถ้าดำเนินการไม่ถูกต้อง ก็อาจจะโดนข้อหาละเว้นคำพิพากษาศาลได้
กำลังโหลดความคิดเห็น