เอกชนจี้ “พรทิวา” ถกกำหนดนโยบายนำเข้ากากถั่วเหลืองด่วน หวั่นต้องแบกรับภาระและทำให้ต้นทุนการเลี้ยงสัตว์เพิ่มจนอาจถึงขั้นต้องปรับราคาอาหารสัตว์ขึ้น ปูดเหตุถ่วงเวลา เพราะมีไอ้โม่งเรียกรับผลประโยชน์จากเอกชน
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า ภายสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้ทำหนังสือถึงนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายใน เร่งรัดจัดประชุมคณะกรรมการนโยบายอาหาร เพื่อพิจารณาอนุมัติการนำเข้ากากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปลาป่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของอาหารสัตว์และเพื่อให้ทันขั้นตอนการขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กลางเดือนธ.ค.นี้ ที่จะต้องสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศใบอนุญาตโควตานำเข้า และกระทรวงการคลังออกประกาศผ่อนผันอัตราภาษีศุลกากรนำเข้ากากถั่วเหลืองจาก 4% เหลือ 2%
“เมื่อรัฐมนตรีพาณิชย์ยังไม่เรียกประชุมเพื่ออนุมัติหลักเกณฑ์การนำเข้าและโควตานำเข้า กระทรวงการคลังก็ไม่สามารถออกประกาศผ่อนปรนภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองได้ หากการอนุมัตินำเข้ายิ่งล่าช้าจะทำให้เอกชนต้องแบกภาระการขนส่งทางเรือที่เตรียมนำเข้าสินค้าปริมาณ 2 แสนตัน วันละ 3 พันเหรียญสหรัฐ หากออกประกาศไม่ทันธ.ค.นี้ ซึ่งขั้นตอนออกประกาศเรื่องภาษีของกระทรวงการคลังต้องใช้เวลา 2 เดือน ก็จะทำให้เอกชนต้องแบกภาระค่าเรือถึง 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ และต้องกลับไปเสียภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง10% ทันที โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอาจต้องมีการขยับราคาอาหารสัตว์”นายพรศิลป์กล่าว
ก่อนหน้านี้ สมาคมฯ ได้จัดส่งหนังสือเร่งรัดการพิจารณาหลักเกณฑ์นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ไปยังนางพรทิวาแล้ว 3 ครั้ง รวมถึงร้องเรียนถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มีการสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการภายใน 1 เดือน จะครบกำหนดวันที่ 23 ธ.ค.นี้ โดยหลักเกณฑ์การนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้ผ่านการพิจารณาจากอนุกรรมการนโยบายอาหารแล้ว และเสนอเข้าพิจารณาของคณะกรรมการฯ ที่มีนางพรทิวาเป็นประธานมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่นางพรทิวาต้องการให้ชี้แจงถึงการผ่อนปรนภาษีกากถั่วเหลืองจาก 4% เหลือ 2% นั้น มีผลต่อราคาอาหารสัตว์และราคาเนื้อสัตว์ลดลงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า การยื้อการประชุมคณะกรรมการฯ เพราะมีการเจรจาต่อรองเรียกรับผลประโยชน์จากภาคเอกชนผู้นำเข้า
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เปิดเผยว่า ภายสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้ทำหนังสือถึงนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายใน เร่งรัดจัดประชุมคณะกรรมการนโยบายอาหาร เพื่อพิจารณาอนุมัติการนำเข้ากากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปลาป่น ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญของอาหารสัตว์และเพื่อให้ทันขั้นตอนการขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กลางเดือนธ.ค.นี้ ที่จะต้องสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศใบอนุญาตโควตานำเข้า และกระทรวงการคลังออกประกาศผ่อนผันอัตราภาษีศุลกากรนำเข้ากากถั่วเหลืองจาก 4% เหลือ 2%
“เมื่อรัฐมนตรีพาณิชย์ยังไม่เรียกประชุมเพื่ออนุมัติหลักเกณฑ์การนำเข้าและโควตานำเข้า กระทรวงการคลังก็ไม่สามารถออกประกาศผ่อนปรนภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองได้ หากการอนุมัตินำเข้ายิ่งล่าช้าจะทำให้เอกชนต้องแบกภาระการขนส่งทางเรือที่เตรียมนำเข้าสินค้าปริมาณ 2 แสนตัน วันละ 3 พันเหรียญสหรัฐ หากออกประกาศไม่ทันธ.ค.นี้ ซึ่งขั้นตอนออกประกาศเรื่องภาษีของกระทรวงการคลังต้องใช้เวลา 2 เดือน ก็จะทำให้เอกชนต้องแบกภาระค่าเรือถึง 2 หมื่นเหรียญสหรัฐ และต้องกลับไปเสียภาษีนำเข้ากากถั่วเหลือง10% ทันที โดยต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอาจต้องมีการขยับราคาอาหารสัตว์”นายพรศิลป์กล่าว
ก่อนหน้านี้ สมาคมฯ ได้จัดส่งหนังสือเร่งรัดการพิจารณาหลักเกณฑ์นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ไปยังนางพรทิวาแล้ว 3 ครั้ง รวมถึงร้องเรียนถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งก็มีการสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการภายใน 1 เดือน จะครบกำหนดวันที่ 23 ธ.ค.นี้ โดยหลักเกณฑ์การนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้ผ่านการพิจารณาจากอนุกรรมการนโยบายอาหารแล้ว และเสนอเข้าพิจารณาของคณะกรรมการฯ ที่มีนางพรทิวาเป็นประธานมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่นางพรทิวาต้องการให้ชี้แจงถึงการผ่อนปรนภาษีกากถั่วเหลืองจาก 4% เหลือ 2% นั้น มีผลต่อราคาอาหารสัตว์และราคาเนื้อสัตว์ลดลงหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า การยื้อการประชุมคณะกรรมการฯ เพราะมีการเจรจาต่อรองเรียกรับผลประโยชน์จากภาคเอกชนผู้นำเข้า