xs
xsm
sm
md
lg

อดีต ปธ.หอการค้าฯ เตือนธุรกิจก้าวสู่จุดเปลี่ยน แนะภาคเอกชนปรับตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีตประธานหอการค้าฯ แนะภาคเอกชนไทยเร่งปรับตัวเพื่อรับมือจุดเปลี่ยนธุรกิจการค้ายุคใหม่ ซึ่งจะมีเงื่อนไขใหม่เข้ามาตลอด ทั้งข้อกำหนดด้านสุขภาพ การรักษาสิ่งแวดล้อมจากประเทศผู้นำเข้าสินค้า รวมถึงการเสรีการค้า ซึ่งผู้ประกอบการต้องเจอทั้งวิกฤตและโอกาส พร้อมกับส่วนแบ่งตลาดที่ต้องแข่งขันสูงขึ้น โดยมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาบุกตลาด




นายอาชว์ เตาลานนท์ อดีตประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในการสัมมนา “การจับตาทิศทางเศรษฐกิจโลก เพื่อให้เอกชนรองรับ” ซึ่งจัดโดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากทิศทางเศรษฐกิจโลก ดังนั้น ภาคธุรกิจจะต้องเร่งปรับตัว เพราะจะดำเนินธุรกิจแบบเดิมคงไม่สามารถแข่งขันได้

นายอาชว์ กล่าวว่า เนื่องจากอนาคตการดำเนินธุรกิจจะมีเงื่อนไขใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกมาก ทั้งข้อกำหนดด้านสุขภาพ การรักษาสิ่งแวดล้อมจากประเทศผู้นำเข้าสินค้า รวมถึงการดำเนินการตามข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ซึ่งเอกชนไทยต้องเจอทั้งโอกาสในการหาตลาดใหม่และอุปสรรคต่างๆ ที่จะเพิ่มขึ้น ในส่วนของสินค้าก็จะมีสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาบุกตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องปรับตัวรองรับการแข่งขัน ขณะที่รัฐบาลต้องเร่งเจรจาต่อรองหาทางสนับสนุนให้เอกชนสามารถแข่งขันได้

อย่างไรก็ตาม ปัญหาการเมืองยังจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่จะเข้ามาขยายการลงทุน เนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนมีปัญหาตลอดในช่วงที่ผ่านมา ทุกฝ่ายจึงต้องพยายามดึงความเชื่อมั่นจากนักลงทุนคืนมา

นายศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลต้องให้ความสำคัญต่อการจัดสรรงบประมาณ เพื่อลงทุนด้านความรู้และวิจัย เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ เห็นได้จากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มีการลงทุนด้านความรู้สูงมาก จากเดิมมีเพียงร้อยละ 0.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี ค.ศ.1964 ปรับเป็นร้อยละ 3 ของจีดีพีในปัจจุบัน โดยที่ญี่ปุ่นลงทุนด้านการสร้างความรู้ถึงร้อยละ 3 ของจีดีพี ทำให้สินค้าต่างๆ ของเกาหลีใต้ก้าวมาอยู่อันดับต้นของตลาดโลกทั้งแอลจี ซัมซุง ดังนั้น การสร้างฐานความรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการแข่งขันดำเนินธุรกิจในอนาคต

ด้านนายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อให้ภาคธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ทุกฝ่ายต้องร่วมกันรณรงค์ลดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะการจัดอันดับดัชนีความโปร่งใสของไทย ที่อันดับลดลง จากอันดับ 80 มาอยู่อันดับ 84 นับว่ามีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ และย้ำว่าภาคธุรกิจจะสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยตนเอง หากภาคการเมืองไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว จนก่อให้เกิดปัญหา ซึ่งควรทำหน้าที่เพียงให้การสนับสนุนและส่งเสริมในส่วนที่เอกชนขาดหายไป
กำลังโหลดความคิดเห็น