xs
xsm
sm
md
lg

คกก.4 ฝ่ายแก้ปัญหา “มาบตาพุด” ถกนัดแรก “อานันท์” ตั้งธงกำหนดกรอบทำงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อานันท์ ปันยารชุน
คกก. 4 ฝ่ายแก้ปัญหา “มาบตาพุด” ถกนัดแรก วันนี้ “อานันท์” เตรียมแจงกรอบการทำงาน-ระยะเวลา กระทรวงอุตฯ เตรียมชงประกาศ 8 กิจการเข้าข่ายส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ชี้แจงที่ประชุม



มีรายงานข่าวว่า วันนี้ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรคสอง (กรรมการ 4 ฝ่าย เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด) จะมีการนัดประชุมนัดแรกในวันนี้ โดย นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการ จะเปิดแถลงข่าว ซึ่งคาดว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางกรอบการทำงานและเรื่องระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา

นายโกศล ใจรังษี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมนำข้อมูลการแก้ไขปัญหามาบตาพุดในช่วงที่ผ่านมา อาทิ การออกประกาศ 8 กิจการ ที่เข้าข่ายส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การให้ชุมชนมีส่วนร่วมบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม นำเสนอข้อมูลและความร่วมมือในการแก้ปัญหาของภาคเอกชน ซึ่งต่างพร้อมรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการนำเทคโนโลยีที่สามารถลดการปล่อยมลพิษเข้าชี้แจง

นายโกศล ยังกล่าวถึงการอุธรณ์คำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองกลางด้วยว่า การไต่สวนน่าจะแล้วเสร็จภายใน 7 วัน ส่วนผลจะออกมาอย่างไร กระทรวงอุตสาหกรรมก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม

โดยวานนี้ นายมาซาโตะ โอตาคะ อัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ได้แจ้งถึงข้อกังวลของนักลงทุนจากญี่ปุ่นต่อกรณีปัญหามาบตาพุดเนื่องจาก 76 กิจการ ที่ถูกระงับการดำเนินกิจการจากศาลปกครองกลาง และอีก 181 โครงการที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเตรียมจะฟ้องเพิ่มเติมอีกนั้น ส่วนหนึ่งเป็นบริษัทญี่ปุ่นร่วมทุนและอีกส่วนเป็นบริษัทที่ป้อนวัตถุดิบ (Supply Chain) หากเกิดปัญหาจะกระทบต่อศักยภาพความสามารถทางการแข่งขันของบริษัทญี่ปุ่นได้ จึงต้องการให้ไทยเร่งหาข้อยุติปัญหามาบตาพุดโดยเร็ว

อัครราชทูตญี่ปุ่น กล่าวว่า นักลงทุนญี่ปุ่นมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหามาบตาพุดมาก เพราะจะกระทบขีดการแข่งขันของบริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทย และยังพร้อมให้คำแนะนำหากไทยต้องการข้อมูลหรือแนวทางการแก้ไขปัญหาเพราะญี่ปุ่นเองก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับปัญหามลพิษในอดีตมาก่อน

ทั้งนี้ ญี่ปุ่น คาดหวังว่า รัฐบาลไทยจะสามารถหาข้อยุติปัญหามาบตาพุดไปในทิศทางที่ดี และนักลงทุนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นที่จะลงทุนในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ให้ความสำคัญกับการลงทุนจากต่างประเทศจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะย้ายการลงทุนคาดว่าในปี53 การลงทุนในบางสาขา เช่น รถยนต์จะมีเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่อุตสาหกรรมหนักคงต้องรอให้อุตสาหกรรมอื่นๆ ขยายตัวมากกว่านี้ก่อน

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะตัวแทนภาคเอกชนในคณะกรรมการ 4 ฝ่าย แก้ปัญหามาบตาพุด เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการ 4 ฝ่ายจะมีการประชุมทำความเข้าใจถึงกรอบการทำงาน กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ กติกาการประชุม โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาครัฐ จะอธิบายข้อมูล และรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 คณะกรรมการชุดนี้จะมีกรอบการทำงานภายใน 30 วัน ซึ่งกำหนดโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายอานันท์ ปันยารชุน ประธานคณะกรรมการ 4 ฝ่าย โดยจะพิจารณาว่าโครงการไหนมีสถานะเป็นอย่างไร ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ครบหรือไม่ และจะสามารถเดินหน้าดำเนินกิจการต่อไปได้ หรือต้องทำอะไรเพิ่มเติมหรือไม่

สำหรับการคัดแยกโครงการในจำนวน 76 โครงการ ว่า โครงการไหนเป็นโครงการที่เข้าข่ายส่งผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ต้องหารือในที่ประชุมอีกครั้งการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้น่าจะทำงานได้รวดเร็ว เพราะจะมีการประชุมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยในวันนี้ จะเป็นการประชุมนัดแรกอย่างเป็นทางการ ซึ่งผลออกมาน่าจะมีทิศทางที่ดี เพราะดีกว่าพูดกันไปมา การประชุมจึงน่าจะมีบรรยากาศที่สร้างสรรค์ และจะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาได้ โดยรัฐบาลควรจะนำข้อสรุปไปใช้ในอนาคตด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น