รมช.พาณิชย์ เผยทูตพาณิชย์ของไทย ยังคงประจำอยู่ที่กรุงพนมเปญ ไม่ได้มีการเรียกกลับแต่อย่างใด กำชับ สนง.ในพนมเปญ รักษาความสัมพันธ์ทางการค้า ส่วนแผนฉุกเฉินเน้นเรื่องความปลอดภัยมากที่สุด โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวทางการกัมพูชา จับกุมพนักงานบริษัทไทยในกัมพูชา โดยยอมรับว่า ทำให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวลเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น เพราะเคยมีเหตุการณ์ค่อนข้างรุนแรงเกิดขึ้นเมื่อปี 2546 จึงเกรงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยังพยายามรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศให้เป็นปกติมากที่สุด โดยขณะนี้ทูตพาณิชย์ของไทยยังคงประจำอยู่ที่กรุงพนมเปญ ไม่ได้มีการเรียกกลับแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องการเตรียมการอพยพนักธุรกิจไทยในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนั้น นายอลงกรณ์ ยืนยันว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแผนรองรับอยู่แล้ว ขณะเดียวกันตนได้ย้ำกับสำนักงานทูตพาณิชย์ไทยในกรุงพนมเปญว่า ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของครอบครัว โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก เป็นเรื่องสำคัญสูงสุด และให้พยายามให้ข้อมูลข่าวสารของทางราชการแก่นักธุรกิจ คนไทยในกัมพูชา เพื่อให้คนเหล่านั้นพิจารณาตัดสินใจเอง ซึ่งช่วงนี้สำนักงานทูตพาณิชย์ก็ประชุมหารือกับนักธุรกิจทุกวัน
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลไทยพยายามแยกปัญหาเรื่องการเมือง การค้า และเศรษฐกิจออกจากกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มีท่าทีชัดเจนในการใช้มาตรการทางการทูตตอบโต้ เพราะกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน จึงเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ไทยจะตอบโต้อย่างสุภาพบุรุษ ขณะเดียวกันก็พยายามไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ของประชาชน ธุรกิจ และเศรษฐกิจ แต่ก็ยากที่จะปฏิเสธว่าไม่มีผลกระทบ เพราะภาคธุรกิจกำลังเริ่มวิตกกังวลมากขึ้น หากปัญหาความสัมพันธ์ของสองประเทศยังไม่มีใครตอบได้ว่าจะจบอย่างไร ก็ย่อมจะมีผลกระทบต่อการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังยอมรับว่าปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความสงบของภูมิภาคอาเซียน แต่ยืนยันว่าวิธีการทางการทูตที่ไทยดำเนินการมานั้น ถูกต้องแล้ว และก็ได้รับกำลังใจ ความเห็นใจจากประเทศเพื่อนบ้าน
