“อลงกรณ์” รับอาสาเป็นธุระเปลี่ยนสัญชาติให้ “แขมร์ทักษิณ-แขมร์เหล่” หากต้องการ จวกอย่าเห็นชาติอื่นดีไปกว่าชาติไทยของตัวเอง พร้อมยืนยันกัมพูชาตั้งผู้ต้องหาแผ่นดินไทย เป็นที่ปรึกษาแทนที่จะส่งผู้ร้ายข้ามแดน ถือเป็นการหยามและไม่เคารพกฎหมายไทย ระบุ เตรียมทบทวนกรอบความช่วยเหลือทุกด้านต่อไปด้วย
วันนี้ (7 พ.ย.) นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมประชาชนบริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ถึงปัญหาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาว่า ประเทศไทยเสียเปรียบและเสียประโยชน์ต่อกัมพูชา ส่วนสาเหตุที่รัฐบาลไทยตอบโต้กัมพูชา เพราะรัฐบาลกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาหลบหนีคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดา เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจและที่ปรึกษาส่วนตัว สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และยังปฏิเสธการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งถือว่ารัฐบาลกัมพูชาลบหลู่ และไม่เคารพกฎหมายไทย
“ถือว่าเป็นการหยามประเทศไทย จึงต้องตอบโต้ด้วยการเรียกทูตไทยกลับประเทศ ส่วนกัมพูชาตอบโต้ด้วยการเรียกทูตกลับประเทศด้วยนั้น รัฐบาลไทยจะต้องทบทวนกรณีที่รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือกัมพูชาทุกด้าน” รมช.พาณิชย์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาพูดปกป้องกัมพูชานั้น นายอลงกรณ์ กล่าวว่า นายนพดลอย่าเห็นชาติอื่นดีกว่าชาติไทย หากอยากเปลี่ยนสัญชาติจะจัดการให้ รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณด้วย ส่วนการตอบโต้กัมพูชาด้วยการปิดด่านชายแดนนั้น รัฐบาลยังต้องพิจารณาก่อน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทยได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กลับประเทศด่วน พร้อมระงับและทบทวบความสัมพันธ์ข้อตกลงระหว่างสองประเทศทุกอย่าง หลัง สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ตั้ง นายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ทั้งที่ทราบดีว่านายทักษิณเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาในประเทศไทย และระหว่างสองประเทศก็มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่กลับไม่ดำเนินการ จนเป็นเหตุให้รัฐบาลไทยตัดสินใจใช้มาตรการทางการทูตตอบโต้ดังกล่าว