คาร์เทียร์ ชูคอลเลกชันใหม่ ราคาเบากระเป๋า ขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย รับเศรษฐกิจซบ พร้อมเปิดตัวนาฬิกาคอลเลกชันใหม่ ดีไซน์กลไกด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก จับฐานกลุ่มผู้ชาย ที่ชื่นชอบการสะสมนาฬิกา มั่นใจอีก 3 เดือน เข็นรายได้เป็นบวก จาก 10 เดือนที่ผ่านมา ทรงตัวเท่าปีก่อน
นางนฤมล ภัทรธีรานนท์ ผู้บริหารแบรนด์คาร์เทียร์ และผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ริชมอนด์ ลักชูรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้น ยอมรับว่า มีผลกระทบกับสินค้าภายใต้แบรนด์คาร์เทียร์ โดยเฉพาะกลุ่มนาฬิกายอดขายค่อนข้างตกลงไปมาก ขณะที่กลุ่มจิวเวลรี่จากการที่มีการออกคอลเลกชันใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งช่วยชดเชยรายได้ที่หายไปในส่วนของนาฬิกาได้ ทำให้ภาพรวมรายได้ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ยังคงทรงตัวเทียบกับช่วงเดียวกันในอีกก่อน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทมุ่งเน้นการทำตลาดมากขึ้น โฟกัสการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกคอลเลกชั่นใหม่ จับกลุ่มเป้าหมายที่อายุน้อยลง กับจิวเวลรี่ในคอลเลกชัน เลิฟ พบว่า ลูกค้าให้การตอบรับที่ดี ถึงแม้ว่าในภาพรวมยอดการใช้จ่ายของลูกค้าที่เลือกซื้อจิวเวลรี่จะลดลงเล็กน้อย เหลือเพียง 6-7 หมื่นบาทต่อชิ้น ส่วนนาฬิกาพบว่า ระดับราคาที่ 2.5 แสนบาท เป็นราคาที่จำหน่ายได้มากที่สุด
ล่าสุด ในส่วนของจิวเวลรี่ ปลายปีนี้ ทางบริษัทจะมีการออกคอลเลกชันใหม่ คือ Lesmust Collection ซึ่งจะชูในเรื่องของราคาที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยจะมีระดับราคาต่ำลงจากปกติเกือบ 50% เช่น แหวน เริ่มต้นที่ 2 หมื่นบาท จากปกติมีราคาต่ำสุดที่ 5-6 หมื่นบาท ส่วนนาฬิกาจิวเวลรี่ เริ่มที่ 1 แสนบาท จากปกติ 1.5 แสนบาท ถือเป็นครั้งแรกของคาร์เทียร์ ที่เปิดตัวคอลเลกชั่นในระดับราคาต่ำแบบนี้ทั่วโลก คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจยังซบเซา
นอกจากนี้ ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่คาร์เทียร์ มีการเปิดตัวนาฬิกา ที่ผลิตด้วยกลไก ลิขสิทธิ์ของคาร์เทียร์โดยเฉพาะ จากปกติจะผลิตโดยพาร์ทเนอร์ กับคอลเลกชัน Fine Watch Making ซึ่งเป็นนาฬิการะดับบน สำหรับสุภาพบุรุษ และกลุ่มนักสะสมนาฬิกา มีราคาเฉลี่ยที่ 8 ล้านบาทขึ้นไป ผลิตขึ้นมา 4 กลไก ล่าสุด จะมีการนำเข้ามาเปิดตัว 10 รุ่น พร้อมให้สั่งจองต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจากการเปิดตัวครั้งนี้ จะช่วยผลักดันให้ยอดขายในไตรมาสสี่ดีขึ้น ส่วนล่างของฟอร์ม
นางนฤมล ภัทรธีรานนท์ ผู้บริหารแบรนด์คาร์เทียร์ และผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ริชมอนด์ ลักชูรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้น ยอมรับว่า มีผลกระทบกับสินค้าภายใต้แบรนด์คาร์เทียร์ โดยเฉพาะกลุ่มนาฬิกายอดขายค่อนข้างตกลงไปมาก ขณะที่กลุ่มจิวเวลรี่จากการที่มีการออกคอลเลกชันใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ซึ่งช่วยชดเชยรายได้ที่หายไปในส่วนของนาฬิกาได้ ทำให้ภาพรวมรายได้ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ยังคงทรงตัวเทียบกับช่วงเดียวกันในอีกก่อน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทมุ่งเน้นการทำตลาดมากขึ้น โฟกัสการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกคอลเลกชั่นใหม่ จับกลุ่มเป้าหมายที่อายุน้อยลง กับจิวเวลรี่ในคอลเลกชัน เลิฟ พบว่า ลูกค้าให้การตอบรับที่ดี ถึงแม้ว่าในภาพรวมยอดการใช้จ่ายของลูกค้าที่เลือกซื้อจิวเวลรี่จะลดลงเล็กน้อย เหลือเพียง 6-7 หมื่นบาทต่อชิ้น ส่วนนาฬิกาพบว่า ระดับราคาที่ 2.5 แสนบาท เป็นราคาที่จำหน่ายได้มากที่สุด
ล่าสุด ในส่วนของจิวเวลรี่ ปลายปีนี้ ทางบริษัทจะมีการออกคอลเลกชันใหม่ คือ Lesmust Collection ซึ่งจะชูในเรื่องของราคาที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยจะมีระดับราคาต่ำลงจากปกติเกือบ 50% เช่น แหวน เริ่มต้นที่ 2 หมื่นบาท จากปกติมีราคาต่ำสุดที่ 5-6 หมื่นบาท ส่วนนาฬิกาจิวเวลรี่ เริ่มที่ 1 แสนบาท จากปกติ 1.5 แสนบาท ถือเป็นครั้งแรกของคาร์เทียร์ ที่เปิดตัวคอลเลกชั่นในระดับราคาต่ำแบบนี้ทั่วโลก คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยเฉพาะในภาวะที่เศรษฐกิจยังซบเซา
นอกจากนี้ ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่คาร์เทียร์ มีการเปิดตัวนาฬิกา ที่ผลิตด้วยกลไก ลิขสิทธิ์ของคาร์เทียร์โดยเฉพาะ จากปกติจะผลิตโดยพาร์ทเนอร์ กับคอลเลกชัน Fine Watch Making ซึ่งเป็นนาฬิการะดับบน สำหรับสุภาพบุรุษ และกลุ่มนักสะสมนาฬิกา มีราคาเฉลี่ยที่ 8 ล้านบาทขึ้นไป ผลิตขึ้นมา 4 กลไก ล่าสุด จะมีการนำเข้ามาเปิดตัว 10 รุ่น พร้อมให้สั่งจองต่อไป ทั้งนี้คาดว่าจากการเปิดตัวครั้งนี้ จะช่วยผลักดันให้ยอดขายในไตรมาสสี่ดีขึ้น ส่วนล่างของฟอร์ม
