xs
xsm
sm
md
lg

เจียด 8% ยอดขายปั้นแบรนด์คอตโต้ เจาะตลาดส่งออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“คอตโต้” โหนกระแสลดโลกร้อนเล็งเปลี่ยนผลิตภัณฑ์เป็น อีโค คอนเซ็ปต์ เกือบเต็ม 100% ในปี 53 จากปัจจุบันมีเพียง 30% พร้อมทุ่มงบ 8% ของยอดส่งออกหวังโปรโมทแบรนด์สินค้าในต่างประเทศหลังยอดส่งออกปีนี้วูบ 10% คาดยอดขายปีนี้ 4,300 ล้านบาท
 
นายสราวุฒิ สำราญทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามชานิทารีแวร์ อินดัสทรี จำกัดผู้ผลิตและจำหน่ายสุภัณฑ์และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำ แบรนด์ คอตโต้ ในเครือ SCG  เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการลดภาวะโลกร้อน ทำให้บริษัทมีนโยบายหันมาผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งตรงกับสินค้าในกลุ่ม “อีโค คอนเซ็ปต์” ซึ่งได้แก่ Eco Use, Eco Process และ Eco Recycle โดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้จะประหยัดน้ำได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับสินค้า มอก. ฉลากเขียว และบางรุ่นประหยัดได้ถึง 50% นอกจากนี้ในขั้นตอนของการผลิตยังลดของเสีย และวัสดุที่นำมาผลิตยังสามารถนำกลับมาใช้ได้อีกเกือบ 100%
 
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะปรับการผลิตสินค้าเกือบทั้งหมดของบริษัทให้เข้ากับอีโค คอนเซ็ปต์ ภายในปี 2553 จากที่ปัจจุบันสินค้าในกลุ่มอีโค คอนเซ็ปต์มีอยู่ประมาณ 30% ของสินค้าที่ผลิตออกมาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แม้จะผลิตสินค้า อีโค คอนเซ็ปต์ แต่ราคาไม่ได้ปรับขึ้นแต่อย่างใด เพราะเกิดจากกระบวนการคิดค้น พัฒนาผลิตภัณฑ์และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต ซึ่งทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้บริษัทยังสามารถขายสินค้าในราคาเดิม
 
นายสราวุฒิ กล่าวต่อว่า ภาพรวมของตลาดสุขภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ภายในห้องน้ำปีนี้ มีการปรับตัวลดลงกว่า 5% ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในส่วนยอดขายของบริษัทปีนี้คาดว่าจะลดลงประมาณ 10% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากตลาดส่งออกที่ลดลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะแบรนด์ “โตโต้” ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าระดับไฮเอ็น โดยมีตลาดหลักที่ประเทศญี่ปุ่น และสหรัอเมริกา โดยยอดขายของทั้ง 2 ประเทศนี้ลดลงไปกว่า 30% แต่อย่างไรก็ตามยังมีกลุ่มประเทศอื่นที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก อาทิ ตะวันออกกลางและยุโรป
 
ทั้งนี้ ในปี 2553 บริษัทเชื่อว่าตลาดทั้งในและต่างประเทศจะปรับตัวดีขึ้น แต่เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจ บริษัทจึงวางแผนการทำตลาดส่งออกในปี 2553 ใหม่โดยจะหันมาเน้นการสร้างแบรนด์ให้กับ “คอตโต้” ในตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยจะใช้งบโปรโมทหรือการทำการตลาดสูงถึง 8% ของยอดส่งออกที่ตั้งไว้ประมาณ 40 ล้านเหรียญสหรัฐ จากในปีนี้ส่งออกประมาณ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเน้นไปที่เวียดนามและกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซี่ยนและตะวันออกกลาง
 
หลังจากที่เดิมจะเน้นการรับจ้างผลิต (OEM) และทำตลาดให้กับแบรนด์โตโต้ ซึ่งเป็นแบรนด์สุขภัณฑ์จากประเทศญี่ปุ่นที่กลุ่มสยามซานิทารีแวร์นำเข้ามาทำตลาด โดยตั้งเป้าให้แบรนด์คอตโต้มีสัดส่วนของยอดส่งออกอยู่ที่ 40% ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันแบรนด์ดังกล่าวมีสัดส่วนยอดส่งออกอยู่ที่ 25% โตโต้ 55% และรับจ้างผลิต 20%
 
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้คอตโต้ต้องหันมาปั้นแบรนด์คอตโต้ในตลาดต่างประเทศมากขึ้นนั้น เนื่องจากต้องการมีสินค้าให้ครอบคลุม จะสามารถสร้างสมดุลได้เมื่อเวลาเกิดวิกฤติในบางตลาด ทำให้ยอดขายรวมไม่ลดลงมากนัก เพราะที่ผ่านมาโตโต้ ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์จะส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น ประเทศแม่ และสหรัฐอเมริกามากที่สุด เมื่อเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ยอดขายของ 2 ประเทศลดลงกว่า 30% ทำให้ยอดส่งออกรวมของบริษัทลดลงมาก จึงเชื่อว่าหากมีสินค้าที่ครอบคลุมทุกเซกเมนท์จะช่วยรักษาสมดุลด้านยอดขายได้มากขึ้น
 
“การหันมาให้ความสำคัญกับการส่งออกสินค้าคอตโต้ ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น 40% ไม่ได้หมายความว่า จะลดการทำตลาดให้กับแบรนด์โตโต้ แต่หมายถึงยอดส่งออกเติบโตมากขึ้น จนทำให้คอตโต้มีสัดส่วนในยอดส่งออกได้ตามเป้าหมาย”นายสราวุฒิกล่าว
 
สำหรับยอดขายรวมผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ภายในห้องน้ำของ “คอตโต้” ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,300 ล้านบาท (ลดลงจากปี 51 ประมาณ 10% ที่มียอดขาย 4,800 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็นยอดขายสุขภัณฑ์ 2,600 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นยอดส่งออก 30% และขายในประเทศ 70% หรือ 1,820 ล้านบาท คิดเป็น 43%  ของมูลค่าตลาดรวมสุขภัณฑ์ 4,230 ล้านบาท ส่วนยอดขายอุปกรณ์อื่นๆ ในห้องน้ำของคอตโต้ ปีนี้ อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดต่างประเทศ 25% และในประเทศ 75% หรือ 1,275 ล้านบาท และคิดเป็น 38% ของมูลค่าตลาดรวม 3,350 ล้านบาท
 
ส่วนปีหน้าตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4,600 ล้านบาท โดยมีแผนการตลาดเน้นกลุ่มสินค้าอีโค คอนเซ็ปต์ และ Cotto Speed Bathroom System หรือตลาดเปลี่ยนห้องน้ำเก่าให้เป็นห้องน้ำใหม่ภายในเวลา 3-5 วัน โดยไม่ต้องรื้อหรือทุบพื้นห้องน้ำ ซึ่งพบว่ามีความต้องการสูงมาก แต่เนื่องจากราคาการเปลี่ยนแต่ละครั้งยังมีต้นทุนที่สูงกว่าระบบการรื้อทุบถึง 30% ทำให้ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ซึ่งขณะนี้บริษัทได้หาทางลดต้นทุนในการติดตั้งระบบใหม่ โดยจะนำอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นบางส่วนออก แต่ไม่ได้ทำให้คุณภาพลดลง ซึ่งหากสามารถลดลงทุนลงมาให้สูงกว่าระบบทั่วไปเพียง 15-20% ก็เชื่อว่าจะได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น
 
ล่าสุด คอตโต้ ได้เตรียมนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม คอตโต้ อีโคเข้าร่วมงานบ้านและสวน 2009 ระหว่างวันที่ 27 ต.ค. - 1 พ.ย. 2553 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี ด้วย เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ นอกจากนี้ ในงานดังกล่าว ยังได้เปิดตัว สุขภัณฑ์คอลเลกชัน ดิสนีย์แลนด์ เป็นครั้งแรกด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มกระเบื้องคอตโต้ได้รับลิขสิทธิ์ผลิตสินค้ากระเบื้องคอลเลกชันดิสนีย์แลนด์ไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น