อหังการ “ปิยสวัสดิ์” นั่งดีดีบินไทยวันแรก ประกาศเขตพิเศษปลอดการเมือง

“ปิยสวัสดิ์” เริ่มงานตำแหน่งดีดี “การบินไทย” อย่างเป็นทางการ วันแรก ประกาศท้าทายงานสุดหิน โชว์แผนวิสาหกิจ 5 ปี เปิดเวทีกล่อมพนักงาน พร้อมประกาศเป็นเขตปลอดการเมือง ลั่นทวงแชมป์ธุรกิจการบินชั้นนำของโลก

นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) คนใหม่ล่าสุด กล่าวในโอกาสเดินทางเข้าเริ่มงานอย่างเป็นทางการในวันแรก ภายหลังจากเข้ารับตำแหน่งและเริ่มทำงานในการบินไทยมาแล้วเป็นเวลา 3 เดือน โดยขึ้นเวทีพบปะพูดคุยกับพนักงานการบินไทย

นายปิยสวัสดิ์ กล่าวถึงเหตุผลที่เข้ามาสมัครและรับการสรรหาเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย คนที่ 15 เนื่องจากเห็นว่า การบินไทยเป็นหน่วยงานที่ต้องการการดูแล หลังจากที่ผ่านมา พบว่า การทำงานขององค์กรถูกการเมืองเข้าแทรกแซง และมีปัญหาพนักงานขาดความสามัคคี

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องการขาดความสามัคคีของพนักงาน นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นปัญหาที่ตนเองหนักใจ เมื่อเทียบกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ และการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง

ทั้งนี้ ได้มีการเจรจากับคณะกรรมการบริหาร เพื่อเสนอให้แยกบทบาทหน้าที่ระหว่างกรรมการบริหาร (บอร์ด) และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ให้ชัดเจน เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเกิดธรรมาภิบาลในองค์กร โดยในส่วนของกรรมการบริหารจะมีบทบาทในการกำหนดกลยุทธ์และนโยบายส่วนการบริหารงานเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

นายปิยสวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า การบินไทยเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเพียงแห่งเดียวที่ต้องพัฒนาธุรกิจ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้กับเอกชนและหน่วยงานด้านการบินทั่วโลก ซึ่งขณะนี้การบินไทยมีปัญหาด้านการแข่งกับสายการบินในแถบตะวันออกกลาง และโลว์คอสต์แอร์ไลน์ รวมถึงปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างที่ยังมีข้อครหาว่ามีการคอร์รัปชันและใช้อภิสิทธิ์ ดังนั้น สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ ต้องเร่งทำให้สายการบินไทยกลับมาเป็นผู้นำในธุรกิจการบินมีชื่อเสียงทั่วโลก โดยเชื่อว่าหากฟื้นฟูคุณภาพบริการให้ดีขึ้นก็จะกลับมาเป็นสายการบินที่ติดอันดับ 1 ในโลกได้

ส่วนมาตรฐานการบินและความปลอดภัยก็ต้องพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันการบินไทยจะดำเนินการอย่างมีมาตรฐานอยู่แล้วก็ตาม นอกจากนี้ ยังประกาศจะเร่งพัฒนาองค์กรเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้องค์กรยั่งยืนแข่งขันได้ในระดับโลก มีต้นทุนต่ำและมีโครงสร้างการบริหารที่ดีมีความคล่องแคล่วมีพลังมีความคิดสร้างสรรค์ปรับตัวได้กับสิ่งแวดล้อม

นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า สำหรับแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ได้กำหนดให้ 2 ปีแรกเป็นระยะของการเร่งฟื้นฟูกิจการการบินไทยให้กลับมามีกำไรในระดับปกติ ส่วน 3 ปีหลังจะผลักดันให้การบินไทยกลับมาครองตำแหน่งสายการบินชั้นนำติด 1 ใน 5 ของโลก พร้อมตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2553 ในระดับ 18% เป็น 1.8 แสนล้านบาท จากปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 1.56 แสนล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2551 ที่มีรายได้ 2.1 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกัน จะต้องเร่งปรับโครงสร้างทางเงิน โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างหนี้ระยะสั้นที่มีอายุมากกว่าสินทรัพย์ โดยในปีหน้าบริษัทจะดำเนินการยืดอายุหนี้จากเฉลี่ย 5-6 ปี ให้สอดคล้องกับสินทรัพย์ที่อายุการใช้งานของเครื่องบินอยู่ที่ประมาณ 20 ปี รวมทั้งการเพิ่มทุน ซึ่งจะได้มีการหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินต่อไป และยังคงมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่น้ำมันต่อเนื่องจากปีนี้ โดยตั้งเป้าลดลงให้ได้ 1 หมื่นล้านบาทในปีหน้า