ผู้ประกอบการทัวร์ ครวญ ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติวูบสุดในรอบ 10 ปีเฉลี่ยตลาดละ 10-20% ระบุสแกนดิเนเวียนติดลบเป็นครั้งแรก ไฮซีซั่นปีนี้ ชาร์เตอร์ไฟล์ทลงกรุงเทพฯหายเกือบหมด ชี้ชัดสาเหตุจากการเมือง และวิกฤตเศรษฐกิจ ฉะ ททท.ใช้งบเกาไม่ถูกที่คัน จึงไม่สามารถดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้
นายอภิชาติ สังฆอารี ที่ปรึกษาสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) เปิดเผยว่า ช่วงฤดูท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น)ปลายปีนี้ ตลาดสแกนดิเนเวีย นอร์เวร์ สวีเดน มีอัตราการจองเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยลดลงราว 20% จากปีก่อนที่ 3 เดือนสุดท้ายของปีจะมีนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้ราว 2 แสนคน โดยปีนี้เฉพาะเที่ยวบินเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟล์ท)ที่จะมาลงสนามบินสุวรรณภูมิยังไม่มีเข้ามาเลยจากปีก่อนๆจะมาลง 3-4 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ ส่วนที่สนามบินภูเก็ต และกระบี่ เฉพาะชาร์เตอร์ไฟล์ทลดลงราว 8-10%
ทำให้คาดการณ์ภาพรวมตลอดปี 2552 ตลาดดังกล่าวนี้ลดลง 20% จากปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยว 6 แสนคน ซึ่งแม้ผู้ประกอบการจะปรับลดราคาทัวร์ลงเฉลี่ย 10% ก็ไม่เป็นผล ถือว่าเป็นการลดลงสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งสาเหตุจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก และการทำตลาดที่ไม่ตรงจุดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเที่ยวเกาะบาหลี และ อียิปต์
“ปีก่อนๆ แม้จะเกิดเหตุการณ์สึนามิ หรือปิดสนามบิน ตลาดสแกนไม่เคยตก มีแต่เพิ่มมากหรือเพิ่มน้อย แต่ครั้งนี้เป็นปีแรก ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจทัวร์จากกลุ่มสแกนดิเนเวีย ที่ติดลบ สะท้อนให้เห็นว่า งบกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยว ที่ททท.ได้รับจัดสรรมา ใช้ไม่เกิดผล ยิ่งขณะนี้หน่วยงานด้านท่องเที่ยวขาดผู้นำทั้งประธานบอร์ดททท. และผู้ว่าการททท. ทำให้การทำงานยิ่งไร้ทิศทาง เพราะไม่สามารถตัดสินใจโครงการใหญ่ที่ใช้เงินมากเพื่อมากระตุ้นตลาดได้ จึงต้องการให้เร่งหาผู้มารับตำแหน่งประธานบอร์ดททท. และ เร่งสรรหาผู้ว่าการททท.”
ทางด้านนายอเนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมส่งเสริมท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น กล่าวว่า นักท่องเที่ยวตลาดญี่ปุ่น เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เท่ากับทุกๆปีที่ผ่านมา สาเหตุน่าจะมาจาก ความวุ่นวายทางการเมืองของประเทศไทย ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นปีนี้ไม่ถึง 1 ล้านคนแน่นอน ลดลงจากปีก่อนอย่างน้อย 20% หนักสุดในรอบ 10 ปี
ล่าสุด ทางผู้ประกอบการขอร้องให้ ททท.ดำเนินการโฆษณาเจาะตรงถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งได้รับคำตอบว่า ไม่มีงบประมาณ ต้องรอการเบิกจ่ายงบจากโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งกว่าจะได้ต้องไม่ต่ำกว่า ต.ค.52 หากทำตลาดช่วงนั้นก็จะไปเห็นผลปีหน้า ไม่ใช่ปีนี้ จากก่อนหน้านี้ ททท.ได้งบกระตุ้นเศรษฐกิจมา ส่วนใหญ่ จะหมดไปกับแผนจับมือกับผู้ประกอบการ และเดินสายโรดโชว์ ทั้งนี้ สถานการณ์ประเทศไทยในปีนี้ต้องทำตลาดแบบฮาร์ดเซล เจาะถึงผู้ซื้อโดยตรง
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกกิติมศักด์ สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่า หากการเมืองของประเทศไทยไม่นิ่ง นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะตลาดจีน จะไม่เดินทางเข้ามาประเทศไทยแน่นอน การเกิดปัญหาและความวุ่นวายทางการเมืองซ้ำซาก ทำให้บริษัททัวร์ที่ประเทศจีน เบื่อหน่ายที่จะขายแพกเกจทัวร์มาประเทศไทยเพราะเกรงว่าลูกค้าจะเที่ยวไม่สนุกและเกิดอันตราย
“ทุกๆปีพอวันชาติจีนในต้นเดือนตุลาคม ชาวจีนจะซื้อแพกเกจทัวร์เที่ยว 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่ปีนี้ เขาตัดประเทศไทยออก เหลือเพียง 2 ประเทศ ทำให้ชาร์เตอร์ไฟล์ทช่วงวันชาติจีนปีนี้ ลดลงเกือบ100%”
อย่างไรก็ตาม การที่กลุ่มเสื้อแดงที่ประกาศจะรวมตัวประท้วงอีกครั้งช่วงประชุมอาเซียนในเดือนหน้านี้ ซึ่งต่างประเทศจับตามองมาก หากเกิดความวุ่นวายขึ้น แน่นอนว่าไฮซีซั่นปีนี้ คงหมดหวังกับจำนวนนักท่องเที่ยว
นายสุรพล ศรีตระกูล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือแอตต้า กล่าวว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ ที่เดินทางผ่านสมาชิกของสมาคมแอตต้า ตั้งแต่ต้นปีถึง 20 ก.ย.52 มีจำนวน 1.2 ล้านคน ลดลงจากปีก่อน ราว 5.4 แสนคน หรือลดลง กว่า 30% โดยตลาดที่ลดมากที่สุดคือ เกาหลีลด 55% จีนลด40% ญี่ปุ่นลด 40.5% รัสเซียลด 22% ส่วนตลาดที่เพิ่มได้แก่ อินเดีย 5.05% อิหร่าน 30.35% และฮ่องกง 1.13%
นายอภิชาติ สังฆอารี ที่ปรึกษาสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) เปิดเผยว่า ช่วงฤดูท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น)ปลายปีนี้ ตลาดสแกนดิเนเวีย นอร์เวร์ สวีเดน มีอัตราการจองเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยลดลงราว 20% จากปีก่อนที่ 3 เดือนสุดท้ายของปีจะมีนักท่องเที่ยวจากตลาดนี้ราว 2 แสนคน โดยปีนี้เฉพาะเที่ยวบินเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟล์ท)ที่จะมาลงสนามบินสุวรรณภูมิยังไม่มีเข้ามาเลยจากปีก่อนๆจะมาลง 3-4 ไฟล์ทต่อสัปดาห์ ส่วนที่สนามบินภูเก็ต และกระบี่ เฉพาะชาร์เตอร์ไฟล์ทลดลงราว 8-10%
ทำให้คาดการณ์ภาพรวมตลอดปี 2552 ตลาดดังกล่าวนี้ลดลง 20% จากปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยว 6 แสนคน ซึ่งแม้ผู้ประกอบการจะปรับลดราคาทัวร์ลงเฉลี่ย 10% ก็ไม่เป็นผล ถือว่าเป็นการลดลงสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ซึ่งสาเหตุจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก และการทำตลาดที่ไม่ตรงจุดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไปเที่ยวเกาะบาหลี และ อียิปต์
“ปีก่อนๆ แม้จะเกิดเหตุการณ์สึนามิ หรือปิดสนามบิน ตลาดสแกนไม่เคยตก มีแต่เพิ่มมากหรือเพิ่มน้อย แต่ครั้งนี้เป็นปีแรก ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจทัวร์จากกลุ่มสแกนดิเนเวีย ที่ติดลบ สะท้อนให้เห็นว่า งบกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยว ที่ททท.ได้รับจัดสรรมา ใช้ไม่เกิดผล ยิ่งขณะนี้หน่วยงานด้านท่องเที่ยวขาดผู้นำทั้งประธานบอร์ดททท. และผู้ว่าการททท. ทำให้การทำงานยิ่งไร้ทิศทาง เพราะไม่สามารถตัดสินใจโครงการใหญ่ที่ใช้เงินมากเพื่อมากระตุ้นตลาดได้ จึงต้องการให้เร่งหาผู้มารับตำแหน่งประธานบอร์ดททท. และ เร่งสรรหาผู้ว่าการททท.”
ทางด้านนายอเนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมส่งเสริมท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น กล่าวว่า นักท่องเที่ยวตลาดญี่ปุ่น เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เท่ากับทุกๆปีที่ผ่านมา สาเหตุน่าจะมาจาก ความวุ่นวายทางการเมืองของประเทศไทย ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นปีนี้ไม่ถึง 1 ล้านคนแน่นอน ลดลงจากปีก่อนอย่างน้อย 20% หนักสุดในรอบ 10 ปี
ล่าสุด ทางผู้ประกอบการขอร้องให้ ททท.ดำเนินการโฆษณาเจาะตรงถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว ซึ่งได้รับคำตอบว่า ไม่มีงบประมาณ ต้องรอการเบิกจ่ายงบจากโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งกว่าจะได้ต้องไม่ต่ำกว่า ต.ค.52 หากทำตลาดช่วงนั้นก็จะไปเห็นผลปีหน้า ไม่ใช่ปีนี้ จากก่อนหน้านี้ ททท.ได้งบกระตุ้นเศรษฐกิจมา ส่วนใหญ่ จะหมดไปกับแผนจับมือกับผู้ประกอบการ และเดินสายโรดโชว์ ทั้งนี้ สถานการณ์ประเทศไทยในปีนี้ต้องทำตลาดแบบฮาร์ดเซล เจาะถึงผู้ซื้อโดยตรง
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกกิติมศักด์ สมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่า หากการเมืองของประเทศไทยไม่นิ่ง นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะตลาดจีน จะไม่เดินทางเข้ามาประเทศไทยแน่นอน การเกิดปัญหาและความวุ่นวายทางการเมืองซ้ำซาก ทำให้บริษัททัวร์ที่ประเทศจีน เบื่อหน่ายที่จะขายแพกเกจทัวร์มาประเทศไทยเพราะเกรงว่าลูกค้าจะเที่ยวไม่สนุกและเกิดอันตราย
“ทุกๆปีพอวันชาติจีนในต้นเดือนตุลาคม ชาวจีนจะซื้อแพกเกจทัวร์เที่ยว 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่ปีนี้ เขาตัดประเทศไทยออก เหลือเพียง 2 ประเทศ ทำให้ชาร์เตอร์ไฟล์ทช่วงวันชาติจีนปีนี้ ลดลงเกือบ100%”
อย่างไรก็ตาม การที่กลุ่มเสื้อแดงที่ประกาศจะรวมตัวประท้วงอีกครั้งช่วงประชุมอาเซียนในเดือนหน้านี้ ซึ่งต่างประเทศจับตามองมาก หากเกิดความวุ่นวายขึ้น แน่นอนว่าไฮซีซั่นปีนี้ คงหมดหวังกับจำนวนนักท่องเที่ยว
นายสุรพล ศรีตระกูล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวหรือแอตต้า กล่าวว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ ที่เดินทางผ่านสมาชิกของสมาคมแอตต้า ตั้งแต่ต้นปีถึง 20 ก.ย.52 มีจำนวน 1.2 ล้านคน ลดลงจากปีก่อน ราว 5.4 แสนคน หรือลดลง กว่า 30% โดยตลาดที่ลดมากที่สุดคือ เกาหลีลด 55% จีนลด40% ญี่ปุ่นลด 40.5% รัสเซียลด 22% ส่วนตลาดที่เพิ่มได้แก่ อินเดีย 5.05% อิหร่าน 30.35% และฮ่องกง 1.13%