ขุนคลัง เผย จีดีพีไตรมาส 2 ของปีนี้ยังติดลบ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ขยายตัว 2% ลั่นเดินหน้าลงทุนไทยเข้มแข็ง เตรียมอัดเงินก้อนแรกเข้าระบบ ก.ย.นี้ ย้ำส่งออกไทยเริ่มสดใส พร้อมช่วยเหลือผู้ส่งออกเสริมสภาพคล่อง
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานกล่าวเปิดงานวันพาณิชย์ ครบรอบ 89 ปี โดยระบุว่า จากตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2552 ที่ติดลบในอัตราที่น้อยลง และทราบว่าเริ่มมีคำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศคู่ค้าต่างๆ จากทั่วโลกดีขึ้นไปจนถึงปลายปีนี้
เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปี 2552 ยังคงติดลบเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากเทียบไตรมาสต่อไตรมาสจะขยายตัวราว 2% จากไตรมาส 1 ปี 2552 และเศรษฐกิจไทยในช่วงต่อไปก็น่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากผลของมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ
“ดีกว่าไตรมาสแรกปีนี้ เพราะติดลบสูงถึง 7.1% ในส่วนของรัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจจะเร่งมาตรการลงทุนในแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งเม็ดเงินจะเข้าระบบได้ในเดือนกันยายนถึงตุลาคม 2552 นี้ เพื่อรักษาระบบเศรษฐกิจของประเทศเอาไว้”
ดังนั้น จึงเชื่อว่า สถานการณ์ส่งออกครึ่งปีหลังจะดีขึ้น เพราะขณะนี้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าต่างๆ ก็เริ่มกลับมาดีขึ้น และจากสถาบันวิจัยหลายแห่งมองว่าตัวเลขส่งออกจะติดลบในปีนี้ประมาณร้อยละ 18-20 และบางแห่งมองว่าจะติดลบเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น ส่วนนี้กระทรวงการคลังก็พร้อมให้การช่วยเหลือภาคการส่งออก โดยแนวทางช่วยเหลือจะผ่านโครงการลงทุนไทยแข้มแข็ง ด้วยการนำเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐไปใช้ซื้อสินค้าวัตถุดิบเครื่องมือเครื่องจักร เพื่อลดแรงกดดันค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่ามากจนเกินไปจะเป็นการช่วยเหลืออีกด้านหนึ่ง
นอกจากนี้ จะช่วยเหลือผ่านทางธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ด้วยการเพิ่มทุนให้มากขึ้น เพื่อปล่อยสินเชื่อและค้ำประกันการส่งออกให้กับเอกชน ส่วนภาษีมุมน้ำเงินได้ยืนยันกับ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการหากอยู่ในเงื่อนไขภาษีที่คืนต้องไม่สูงกว่าต้นทุนที่แท้จริงก็พร้อมที่จะพิจารณาอย่างรวดเร็วต่อไป
สำหรับความคืบหน้าในการออกพันธบัตรตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง รอบ 2 นั้น รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลพันธบัตรที่กำลังจะครบกำหนดชำระ เพื่อกำหนดเป็นกรอบวงเงินพันธบัตรรอบใหม่ โดยจะทำในลักษณะของการรีไฟแนนซ์ก่อน เพราะหากรัฐบาลรวมออกพันธบัตรรอบเดียวจะทำให้ต้นทุนสูงเกินความจำเป็น
ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกพันธบัตรออมทรัพย์ 5 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นการออกเพื่อทดแทนพันธบัตรช่วยชาติที่ครบกำหนดไถ่ถอน ซึ่งได้มีการประสานเรื่องกำหนดเวลากับกระทรวงการคลังเป็นอย่างดีแล้ว และน่าจะเป็นโอกาสดีของประชาชนที่จะได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในระบบการเงิน เนื่องจากปัจจุบันยังมีสภาพคล่องเหลืออยู่มากถึง 1.7 ล้านล้านบาท
รมว.คลัง ยังกล่าวถึงการเปิดเสรีทางการเงิน ว่า รัฐบาลคงไม่ดำเนินการตามตลาดสหรัฐและสหภาพยุโรป เพราะไม่เชื่อทีเดียวว่ากลไกตลาดจะช่วยปกป้องไม่ให้เกิดความเสียหายได้ ดังนั้น การที่รัฐบาลจะเข้ามาดูแล หรือจัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมาดูแลยังเป็นเรื่องจำเป็นที่ช่วยไม่ให้เกิดการบิดเบือนกลไกตลาด