“อภิสิทธิ์” เดินสายเป็นประธานพิธีเปิดประชุมสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ระบุยินดีหวังส่งเสริมคุณธรรมในสังคม ช่วยฝ่าวิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศ แนะสังคมอย่ายกย่องคนรวยมากกว่าคนดี
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเวลา 10.10 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวสั้นๆ ก่อนเดินทางออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ว่า “เดี๋ยวจะให้สัมภาษณ์หลังการประชุมปลัดกระทรวง”
จากนั้นเวลา 10.30 น. นายกฯ เป็นประธานในพิธีเปิดงานประชุมสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 4 ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม ฮอลล์ 9 อิมแพค เมืองทองธานี และกล่าวเปิดงานว่า ตนยินดีที่มาเปิดงานนี้เพื่อส่งเสริมเเละสนับสนุนให้ทุกส่วนในสังคมยึดถือคุณธรรม การประชุมปีนี้จะส่งเสริมการฝ่าวิกฤตด้วยธุรกิจคุณธรรม เพราะทุกฝ่ายตระหนักดีว่าคุณธรรมมีความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตและพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ปีนี้บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้ภาวะวิกฤตซ้อนวิกฤต คือ ปัญหาเศรษฐกิจและความขัดแย้งทางการเมือง เรื่องนี้ท้าทายสังคมว่าจะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้หรือไม่ ตนเชื่อมาตลอดว่าปัจจุบันสิ่งสำคัญที่สุดในการฟันฝ่าอุปสรรค คือ คน โดยตนพูดถึงคนที่มีความรู้ความสามารถ และสำคัญที่คนที่มีคุณธรรมและความดี เรื่องนี้มันคือจุดชี้ขาดการเผชิญปัญหาเข้มแข็งและอ่อนแอในสังคม ปัญหาทุกวันที่นี้เผชิญอยู่ เช่น วิกฤตเศรษฐกิจ มันสะท้อนว่าขาดธรรมาภิบาล เช่นเดียวกับวิกฤตเศรษฐกิจไทยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วที่ภาคธุรกิจขาดระบบธรรมาภิบาล แต่วิกฤตปีนี้ต้นเหตุแม้ไม่ได้เกิดขึ้นจากไทย แต่วิกฤตโลกครั้งนี้มาจากการขาดหลักธรรมาภิบาล แต่แนวทางการแก้ปัญหานี้มันเชื่อมโยงกับความเชื่อมั่น การปรับยุทธศาสตร์และองค์กร ในการเดินไปข้างหน้าเพื่อรอการกลับสู่ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว และหนีไม่พ้นกับหลักธรรมาภิบาลในกลุ่มทุน
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รัฐบาลเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจและการเมือง ความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญ และมาจากความไว้วางใจซึ่งกันและกัน เรื่องนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้แน่หากไม่มีความชัดเจนเรื่องธรรมาภิบาล คุณธรรม จริยธรรม มันสำคัญที่ต้องตระหนักในการฝ่าวิกฤตรวมทั้งความยั่งยืนหลังวิกฤต สิ่งเหล่านี้ต้องดำเนินการเปลี่ยนระบบและทั่วถึง ปัญหาเศรษฐกิจในวันข้างหน้ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านิ้ เช่น การค้าระหว่างประเทศเเละท่องเที่ยว หากสองสิ่งนี้จะฟื้นมันขึ้นมานั้น มันต้องสร้างความมั่นใจในกระบวนการผลิตสินค้า และบริการที่สังคมโลกยอมรับตามที่โฆษณาไว้
นายกฯ กล่าวว่า ขอย้ำว่าการเเก้ไขปัญหาของรัฐบาลนอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ยังต้องกระตุ้นมาตรฐานต่างๆ ในการประกอบธุรกิจ หมายถึงธรรมาภิบาลในระบบธุรกิจไทยด้วย ส่วนปัญหาอื่นๆ ของประเทศนั้น ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคุณธรรมทั้งสิ้น ความขัดแย้งทางการเมืองมาจากการขาดธรรมาภิบาลของผู้ที่มีอำนาจ ที่ใช้อำนาจในทางที่ผิด สร้างความขัดแย้งในสังคมที่ไม่รู้จบสิ้น การแก้ปัญหาให้พ้นวิกกฤตนั้นจะก้าวข้ามไม่ได้หากไม่มีธรรมาภิบาล แม้จะแก้รัฐธรรมนูญและระบบต่างๆ บ้านเมืองก็ก้าวหน้าไปไม่ได้
นายกฯ กล่าวถึงไข้หวัดใหญ่ว่า หากฝึกฝนบุคคลให้มีความรับผิดชอบ การจัดสรรการจัดการเรื่องนี้จะง่ายขึ้น ประสบการณ์จากประเทศต่างๆ ชัดว่า หากประขาชนตื่นมากๆ สถานพยาบาลจะรักษาคนเจ็บหนักได้ดีเท่าที่ควร หากมีการละเลยคนเสียชีวิตก็จะมากขึ้น หากคนมีวินัยเช่น คนป่วยรู้ตัวและรับผิดชอบกับสังคม คือรักษาตัวที่บ้าน มันก็ป้องกันและแก้ปัญหาได้ง่าย ส่วนสิ่งที่เป็นปัญหาคือการกระจายยา หากไว้ใจกันก็จัดระบบจ่ายยาก็กระทำได้ง่าย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หากภาคต่างๆ ตื่นตัวเรื่องคุณธรรม แต่มาตรฐานคุณธรรมของบ้านเรายังมีปัญหา มันสะท้อนจากโพลที่เยาวชนแสดงออกชัดว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องคุณธรรมเท่าที่ควร ค่านิยมผิดๆ ที่สะท้อนว่าการทุจริตนั้นเป็นเรื่องปกติและยอมรับได้ ขอเพียงได้รับผลประโยชน์บ้าง ตรงนี้บั่นทอนประเทศมาก หรือค่านิยมที่ว่า ทำบุญแล้วต้องได้รับผลตอบแทน การยกย่องเชิดชูคนรวยและมีอำนาจมากกว่าคนดี การได้สิ่งต่างๆ ได้โดยไม่ต้องคะนึงถึงวิธีการ ประพฤติผิดกฎหมายได้ขอเพียงอย่าโดนจับได้ ค่านิยมแบบนี้มีให้เห็นตลอด เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน สังคมไทยต้องเผชิญสิ่งท้าทายอีกมาก หากค่านิยมยังเป็นแบบนี้ และจะเป็นปัญหาในการก้าวหน้า แม้จะแก้ไขไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆแต่ต้องคึกษาค่านิยมแบบนี้ให้ลึกซึ้งทั้งด้านดีและด้านไม่ดี ฉะนั้น เราต้องบ่มเพาะบุคลากร รวมทั้งระบบสื่อสารที่มีทั้งทางบวกและลบคือยกย่องคนดี และใช้มาตรการกดดันจากสังคมต่อสิ่งไม่ถูกต้องที่จะเป็นบ่อนทำลายประเทศ
