แพลน บีฯ สร้างโอกาสเพิ่มนวัตกรรมสื่อทรานซิต ผุดบริษัทเดินรถ ทุ่ม 1,500 ล้านบาท ขนรถ 300 คัน วิ่ง 20 เส้นทาง สิ้นปีเพิ่มรถเข้ามาอีก 100 คัน หวังต่อยอดนำสื่อแอลซีดีทีวีติดรถโดยสาร ปีนี้ลงทุนอีก 30 ล้านบาท ติดตั้ง 500 จอ กับจำนวนรถ 250 คัน เชื่อ ผลักดันให้สิ้นปี รายได้รวมแตะ 800 ล้านบาท ส่วนปีหน้าหวังคว้า 1,000 ล้านบาท
นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด ผู้นำสื่อทรานซิตบนรถโดยสาร ขสมก.เปิดเผยว่า ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ที่บริษัทดำเนินธุรกิจในส่วนของสื่อทรานซิตบนรถโดยสารยูโร ทู ซึ่งยังเหลือสัมปทานอีกกว่า 6 ปี ซึ่งตลอดเวลาของการดำเนินธุรกิจพบอุปสรรคในการพัฒนาสื่อมาใช้กับรถโดยสาร
ดังนั้น ในช่วงปี 2550 ที่ผ่านมา ทางบริษัทจึงได้มีการลงทุนครั้งสำคัญ โดยการก่อตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ ชื่อ บริษัท พรีเมี่ยมเมนเนจเม้นท์ จำกัด โดย แพลน บีฯ ถือหุ้นเกือบ 100% เต็ม และมีผู้ถือหุ้นร่วมเป็นผู้ผลิตรถจากจีนอีกเล็กน้อย ซึ่งบริษัทใหม่นี้จะดูแลและดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการการเดินรถในกรุงเทพฯ ซึ่งมีทั้งหมด 20 เส้นทาง
กับจำนวนรถโดยสารปรับอากาศประเภท เอ็นจีวี (NGV) ที่ทยอยเข้ามาตั้งแต่ปี 2551-2552 รวม 300 คัน และภายในสิ้นปีนี้ เตรียมนำเข้าอีกกว่า 100 คัน เฉลี่ยการลงทุนต่อคันอยู่ที่ 5-6 ล้านบาท โดยยังอยู่ในขั้นตอนการเลือกเส้นทางการเดินรถ ทั้งนี้ ทุกเส้นทางจะต้องผ่านเส้นทางหลัก ไม่ว่าจะเป็นสุขุมวิท สีลม หรือ ลาดพร้าว
“การที่หันมาทำธุรกิจให้บริการรถโดยสารร่วม ขสมก.ส่วนสำคัญ คือ ต้องการเพิ่มขีดความสามารถของการพัฒนาสื่อทรานซิท ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเอื้อในการติดตั้งสื่อโฆษณาบนรถโดยสารได้แบบไม่ติดขัดปัญหาอย่างที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ การก่อตั้งบริษัท พรีเมี่ยมเมนเนจเม้นท์ จำกัด เริ่มตั้งแต่ปี 2550 ที่ผ่านมา ใช้เม็ดเงินลงทุนไปแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท โดยมีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินในประเทศ อย่าง ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ นอกจากการนำเข้ารถเข้ามากว่า 300 คันแล้ว ยังรวมไปถึงสัมปทานเดินรถทั้ง 20 เส้นทาง ซึ่งมีระยะเวลา 15 ปี
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งสถานีจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ เอ็นจีวี ในชื่อ พรีเมี่ยม อีก 3 สถานี ที่ บางนา รังสิต และรามคำแหง เพื่อรองรับรถโดยสารของบริษัท และจำหน่ายให้กับรถทั่วไปอีกด้วย โดยได้ทำสัญญากับทาง “ปตท.” ไว้ถึง 20 ปี
นายปรินทร์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้นำรถโดยสารเอ็นจีวี เข้ามาให้บริการครบ 300 คันแล้ว ในส่วนของสื่อทรานซิต ปีนี้ทางบริษัท แพลน บีฯ ได้มีการลงทุนอีกกว่า 30 ล้านบาท ในการติดตั้งจอแอลซีดีทีวี ขนาด 23 นิ้ว บนรถโดยสารของบริษัทกว่า 250 คัน จำนวน 500 เครื่องด้วย พร้อมเปิดตัวแพกเกจการขายสื่อโฆษณาใหม่นี้ไปยังลูกค้าบ้างแล้วในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับที่ดีมาก คิดเป็นสัดส่วนยอดจองที่ 40% ของจำนวนสินค้าที่สามารถรับได้ 15 ราย
สำหรับสื่อแอลซีดีทีวีใหม่นี้ จะมีรูปแบบเป็นแบบออนไลน์ มีการอัปเดตคอนเทนต์ทุกครั้งที่รถเข้าอู่ หรือเฉลี่ย 5-6 ครั้งต่อวัน โดยคอนเทนต์ต่อรอบใช้เวลา 1 ชม.แบ่งออกเป็น กลุ่มข่าว, สาระบันเทิง ร่วมกับทางกันตนา เช่น รายการ คดีเด็ด และมิวสิกวิดีโอร่วมกับทุกค่ายเพลง ซึ่งจำนวนสินค้า 15 รายการ ที่จะมีโฆษณาได้นั้น จะถูกแทรกไปกับกลุ่มคอนเทนต์มิวสิกวิดีโอโดยทางบริษัทเสนอขายแบบรายเดือน คิดในอัตรา 3 แสนบาท/เดือน/250 คัน โดยภายใน 1 วัน สินค้าแต่ละตัว จะมีเวลาออกออากาศราว 1 ชม./วัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการโฆษณาภายนอกตัวรถนั้น ทางบริษัทยังได้พัฒนาสู่รูปแบบ 2D และ 3D ด้วย โดยราคาโฆษณายังคงอัตราเดิม ขณะที่พฤติกรรมลูกค้าที่เลือกใช้สื่อทรานซิต พบว่า หันมาโฆษณาภายนอกรถในลักษณะครึ่งคัน จากเดิมที่จะโฆษณาเต็มคัน ส่วนหนึ่งสามารถประหยัดการใช้เงินได้ถึง 50% และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากแคมเปญโฆษณาต่างๆ จะมีระยะเวลาสั้นลง
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจตลอดทั้งปีนี้ เชื่อว่า ภาพรวมรายได้ทั้ง 2 บริษัท คือ แพลน บีฯ มีเดีย และ พรีเมี่ยม เมนเนจเม้นท์ จะสูงถึง 800 ล้านบาท โดยกว่า 50% ของรายได้จะมาจากการให้บริการรถร่วม ขสมก.รองลงมา คือ รายได้จากโฆษณา และสุดท้ายคือ การให้บริการสถานีจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า เชื่อว่า รายได้รวมจะขยับสูงถึง 1,000 ล้านบาท จากการเพิ่มการลงทุนจำนวนรถเข้ามาอีก 100 คัน และการลงทุนใหม่ที่ให้ความสนใจไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ ในกลุ่มสื่อเอาต์ดอร์อีกส่วนหนึ่งด้วย
นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด ผู้นำสื่อทรานซิตบนรถโดยสาร ขสมก.เปิดเผยว่า ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ที่บริษัทดำเนินธุรกิจในส่วนของสื่อทรานซิตบนรถโดยสารยูโร ทู ซึ่งยังเหลือสัมปทานอีกกว่า 6 ปี ซึ่งตลอดเวลาของการดำเนินธุรกิจพบอุปสรรคในการพัฒนาสื่อมาใช้กับรถโดยสาร
ดังนั้น ในช่วงปี 2550 ที่ผ่านมา ทางบริษัทจึงได้มีการลงทุนครั้งสำคัญ โดยการก่อตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ ชื่อ บริษัท พรีเมี่ยมเมนเนจเม้นท์ จำกัด โดย แพลน บีฯ ถือหุ้นเกือบ 100% เต็ม และมีผู้ถือหุ้นร่วมเป็นผู้ผลิตรถจากจีนอีกเล็กน้อย ซึ่งบริษัทใหม่นี้จะดูแลและดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการการเดินรถในกรุงเทพฯ ซึ่งมีทั้งหมด 20 เส้นทาง
กับจำนวนรถโดยสารปรับอากาศประเภท เอ็นจีวี (NGV) ที่ทยอยเข้ามาตั้งแต่ปี 2551-2552 รวม 300 คัน และภายในสิ้นปีนี้ เตรียมนำเข้าอีกกว่า 100 คัน เฉลี่ยการลงทุนต่อคันอยู่ที่ 5-6 ล้านบาท โดยยังอยู่ในขั้นตอนการเลือกเส้นทางการเดินรถ ทั้งนี้ ทุกเส้นทางจะต้องผ่านเส้นทางหลัก ไม่ว่าจะเป็นสุขุมวิท สีลม หรือ ลาดพร้าว
“การที่หันมาทำธุรกิจให้บริการรถโดยสารร่วม ขสมก.ส่วนสำคัญ คือ ต้องการเพิ่มขีดความสามารถของการพัฒนาสื่อทรานซิท ซึ่งการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเอื้อในการติดตั้งสื่อโฆษณาบนรถโดยสารได้แบบไม่ติดขัดปัญหาอย่างที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ การก่อตั้งบริษัท พรีเมี่ยมเมนเนจเม้นท์ จำกัด เริ่มตั้งแต่ปี 2550 ที่ผ่านมา ใช้เม็ดเงินลงทุนไปแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท โดยมีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินในประเทศ อย่าง ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งการลงทุนครั้งนี้ นอกจากการนำเข้ารถเข้ามากว่า 300 คันแล้ว ยังรวมไปถึงสัมปทานเดินรถทั้ง 20 เส้นทาง ซึ่งมีระยะเวลา 15 ปี
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งสถานีจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ เอ็นจีวี ในชื่อ พรีเมี่ยม อีก 3 สถานี ที่ บางนา รังสิต และรามคำแหง เพื่อรองรับรถโดยสารของบริษัท และจำหน่ายให้กับรถทั่วไปอีกด้วย โดยได้ทำสัญญากับทาง “ปตท.” ไว้ถึง 20 ปี
นายปรินทร์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้นำรถโดยสารเอ็นจีวี เข้ามาให้บริการครบ 300 คันแล้ว ในส่วนของสื่อทรานซิต ปีนี้ทางบริษัท แพลน บีฯ ได้มีการลงทุนอีกกว่า 30 ล้านบาท ในการติดตั้งจอแอลซีดีทีวี ขนาด 23 นิ้ว บนรถโดยสารของบริษัทกว่า 250 คัน จำนวน 500 เครื่องด้วย พร้อมเปิดตัวแพกเกจการขายสื่อโฆษณาใหม่นี้ไปยังลูกค้าบ้างแล้วในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าให้การตอบรับที่ดีมาก คิดเป็นสัดส่วนยอดจองที่ 40% ของจำนวนสินค้าที่สามารถรับได้ 15 ราย
สำหรับสื่อแอลซีดีทีวีใหม่นี้ จะมีรูปแบบเป็นแบบออนไลน์ มีการอัปเดตคอนเทนต์ทุกครั้งที่รถเข้าอู่ หรือเฉลี่ย 5-6 ครั้งต่อวัน โดยคอนเทนต์ต่อรอบใช้เวลา 1 ชม.แบ่งออกเป็น กลุ่มข่าว, สาระบันเทิง ร่วมกับทางกันตนา เช่น รายการ คดีเด็ด และมิวสิกวิดีโอร่วมกับทุกค่ายเพลง ซึ่งจำนวนสินค้า 15 รายการ ที่จะมีโฆษณาได้นั้น จะถูกแทรกไปกับกลุ่มคอนเทนต์มิวสิกวิดีโอโดยทางบริษัทเสนอขายแบบรายเดือน คิดในอัตรา 3 แสนบาท/เดือน/250 คัน โดยภายใน 1 วัน สินค้าแต่ละตัว จะมีเวลาออกออากาศราว 1 ชม./วัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการโฆษณาภายนอกตัวรถนั้น ทางบริษัทยังได้พัฒนาสู่รูปแบบ 2D และ 3D ด้วย โดยราคาโฆษณายังคงอัตราเดิม ขณะที่พฤติกรรมลูกค้าที่เลือกใช้สื่อทรานซิต พบว่า หันมาโฆษณาภายนอกรถในลักษณะครึ่งคัน จากเดิมที่จะโฆษณาเต็มคัน ส่วนหนึ่งสามารถประหยัดการใช้เงินได้ถึง 50% และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากแคมเปญโฆษณาต่างๆ จะมีระยะเวลาสั้นลง
จากแนวทางการดำเนินธุรกิจตลอดทั้งปีนี้ เชื่อว่า ภาพรวมรายได้ทั้ง 2 บริษัท คือ แพลน บีฯ มีเดีย และ พรีเมี่ยม เมนเนจเม้นท์ จะสูงถึง 800 ล้านบาท โดยกว่า 50% ของรายได้จะมาจากการให้บริการรถร่วม ขสมก.รองลงมา คือ รายได้จากโฆษณา และสุดท้ายคือ การให้บริการสถานีจำหน่ายก๊าซธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า เชื่อว่า รายได้รวมจะขยับสูงถึง 1,000 ล้านบาท จากการเพิ่มการลงทุนจำนวนรถเข้ามาอีก 100 คัน และการลงทุนใหม่ที่ให้ความสนใจไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ ในกลุ่มสื่อเอาต์ดอร์อีกส่วนหนึ่งด้วย