สิงห์ โอดตลาดโซดา 1 หมื่นล้านบาทซบ ยอดขาย 6 เดือนพลาดเป้า หลังภาครัฐโขกภาษีเหล้า-บรั่นดี เบียร์ พิษเศรษฐกิจคอน้ำเมาปรับพฤติกรรม เหล้าขาวโตพรวดรับอานิสงส์ อัดฉีด 70 ล้านบาท เร่งวางโพซิชันนิง “บีอิ้ง” ให้ชัดเจน ชูคอนเซปต์ “ผิวสวยดูดี ฉลาดมีมุมมอง” ตอบโจทย์ความต้องการคนรุ่นใหม่ ส่งบรรจุภัณฑ์ยูเอชที เจาะโรงเรียน สถานออกกำลังกาย สิ้นปีแชร์เพิ่ม 15% เป็น 20%
นายสันต์ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่ม นอน-แอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ โซดา น้ำดื่ม ตราสิงห์ และฟังก์ชันนัลดริงก์บีอิ้ง เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐได้ปรับภาษีเหล้า เบียร์ บรั่นดี เพิ่มขึ้น 7-9% เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยหันไปดื่มเหล้าขาวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสินค้ามีราคาถูก สอดคล้องกับกำลังการซื้อและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดังนั้น ตลาดเครื่องดื่มโซดามูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท จึงได้รับผลกระทบ เนื่องจากปัจจุบันคนไทยนิยมนำโซดาผสมกับเหล้าสัดส่วนจาก 90% เหลือเป็น 80% ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นตลาดหลัก เมื่อเทียบกับการผสมกับเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 20% จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ตลาดเหล้าสีหดตัว 7% ส่วนตลาดเหล้าขาวยังมีการเติบโต ขณะที่กลุ่มโซดาสิงห์ผลประกอบการในช่วง 6เดือน ต่ำกว่าเป้าหมาย 1% จากเป้าหมายตั้งเป้าเติบโต 5% โดยยอดขาย 2 เดือนล่าสุดลดลง ส่วนน้ำดื่มมีอัตราการเติบโต 20% ตามเป้าหมาย และกลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์บีอิ้ง เติบโต 30%
“ปีนี้บริษัทได้เพิ่มหน่วยรถกระจายสินค้าจาก 60 คัน เป็น 80 คัน เพื่อรองรับกับการเติบโตและการกระจายสินค้าให้ครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มโซดา น้ำดื่ม ส่วนบีอิ้งได้ให้บริษัทดีทแฮล์ม เป็นผู้กระจายสินค้าให้”
ล่าสุด ได้ทุ่มงบ 60-70 ล้านบาท จากงบรวม 100 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์บีอิ้งด้วยการวางตำแหน่งการตลาดสินค้าให้มีความชัดเจนโดยเป็นเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ ภายใต้แนวคิด “ผิวสวยดูดี ฉลาดมีมุมมอง” โดยได้ดึง นุ่น-วรนุช วงษ์สวรรค์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสื่อสารถึงคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ หลังจากการสร้างแบรนด์มากว่า 2 ปี ตราสินค้าเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี แต่ตำแหน่งของสินค้ายังไม่มีความชัดเจน พร้อมกันนี้ บริษัทเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ยูเอชที จำหน่ายผ่านช่องทางโรงเรียน และสถานออกกำลังกาย ขนาด 200 มล.ราคา 12 บาท เจาะกลุ่มนักเรียนและผู้ออกกำลังกาย
นำร่องบรรจุภัณฑ์ยูเอชที 3 รสชาติ ได้แก่ บีอิ้ง รีแลกซ์ บีอิ้ง ไฟน์ บีอิ้ง คอมฟอร์ท ส่วนอีก 1 รสชาติ กำลังอยู่ระหว่างการปรับใหม่ จากปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ทมี 4 รสชาติ ส่วนปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าวางแผนเปิดตัวอีก 1 รสชาติ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความหลากหลาย โดยบริษัทได้เตรียมจัดกิจกรรมและตั้งเป้าจำหน่ายผ่านช่องทางโรงเรียน 200 แห่ง ซึ่งในอนาคตตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ยูเอชทีเพิ่มจาก 1 แสนกล่องปีนี้ เป็น 10-20% จากเดิมเป็นขวดเพ็ท 100%
ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ มูลค่า 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ฟังก์ชันนัลดริงก์พร้อมดื่ม 52% และอีก 48% เป็นฟังก์ชันนัลดริงก์เข้มข้น โดยปีนี้มีอัตราการเติบโต 234% เนื่องจากกระแสสุขภาพมาแรง จากการที่ผู้บริโภคหันมาดูแลและห่วงใยสุขภาพมากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า สิ้นปีนี้บริษัทมีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 15% เป็น 20% หรือมียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านลิตร เป็น 4 ล้านลิตร ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายอดขายกว่า 2 ล้านลิตร จากปัจจุบัน เชปเป บิวติ ดริงค์ 60% และอีกอะมิโน โอเค 12%
นายสันต์ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่ม นอน-แอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ โซดา น้ำดื่ม ตราสิงห์ และฟังก์ชันนัลดริงก์บีอิ้ง เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐได้ปรับภาษีเหล้า เบียร์ บรั่นดี เพิ่มขึ้น 7-9% เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยหันไปดื่มเหล้าขาวเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากสินค้ามีราคาถูก สอดคล้องกับกำลังการซื้อและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ดังนั้น ตลาดเครื่องดื่มโซดามูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท จึงได้รับผลกระทบ เนื่องจากปัจจุบันคนไทยนิยมนำโซดาผสมกับเหล้าสัดส่วนจาก 90% เหลือเป็น 80% ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นตลาดหลัก เมื่อเทียบกับการผสมกับเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 20% จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทำให้ตลาดเหล้าสีหดตัว 7% ส่วนตลาดเหล้าขาวยังมีการเติบโต ขณะที่กลุ่มโซดาสิงห์ผลประกอบการในช่วง 6เดือน ต่ำกว่าเป้าหมาย 1% จากเป้าหมายตั้งเป้าเติบโต 5% โดยยอดขาย 2 เดือนล่าสุดลดลง ส่วนน้ำดื่มมีอัตราการเติบโต 20% ตามเป้าหมาย และกลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์บีอิ้ง เติบโต 30%
“ปีนี้บริษัทได้เพิ่มหน่วยรถกระจายสินค้าจาก 60 คัน เป็น 80 คัน เพื่อรองรับกับการเติบโตและการกระจายสินค้าให้ครอบคลุม โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มโซดา น้ำดื่ม ส่วนบีอิ้งได้ให้บริษัทดีทแฮล์ม เป็นผู้กระจายสินค้าให้”
ล่าสุด ได้ทุ่มงบ 60-70 ล้านบาท จากงบรวม 100 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์บีอิ้งด้วยการวางตำแหน่งการตลาดสินค้าให้มีความชัดเจนโดยเป็นเครื่องดื่มเสริมสุขภาพ ภายใต้แนวคิด “ผิวสวยดูดี ฉลาดมีมุมมอง” โดยได้ดึง นุ่น-วรนุช วงษ์สวรรค์ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อสื่อสารถึงคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ หลังจากการสร้างแบรนด์มากว่า 2 ปี ตราสินค้าเป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี แต่ตำแหน่งของสินค้ายังไม่มีความชัดเจน พร้อมกันนี้ บริษัทเปิดตัวบรรจุภัณฑ์ยูเอชที จำหน่ายผ่านช่องทางโรงเรียน และสถานออกกำลังกาย ขนาด 200 มล.ราคา 12 บาท เจาะกลุ่มนักเรียนและผู้ออกกำลังกาย
นำร่องบรรจุภัณฑ์ยูเอชที 3 รสชาติ ได้แก่ บีอิ้ง รีแลกซ์ บีอิ้ง ไฟน์ บีอิ้ง คอมฟอร์ท ส่วนอีก 1 รสชาติ กำลังอยู่ระหว่างการปรับใหม่ จากปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ขวดเพ็ทมี 4 รสชาติ ส่วนปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าวางแผนเปิดตัวอีก 1 รสชาติ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความหลากหลาย โดยบริษัทได้เตรียมจัดกิจกรรมและตั้งเป้าจำหน่ายผ่านช่องทางโรงเรียน 200 แห่ง ซึ่งในอนาคตตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ยูเอชทีเพิ่มจาก 1 แสนกล่องปีนี้ เป็น 10-20% จากเดิมเป็นขวดเพ็ท 100%
ตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ มูลค่า 1,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ฟังก์ชันนัลดริงก์พร้อมดื่ม 52% และอีก 48% เป็นฟังก์ชันนัลดริงก์เข้มข้น โดยปีนี้มีอัตราการเติบโต 234% เนื่องจากกระแสสุขภาพมาแรง จากการที่ผู้บริโภคหันมาดูแลและห่วงใยสุขภาพมากขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า สิ้นปีนี้บริษัทมีส่วนแบ่งเพิ่มจาก 15% เป็น 20% หรือมียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านลิตร เป็น 4 ล้านลิตร ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายอดขายกว่า 2 ล้านลิตร จากปัจจุบัน เชปเป บิวติ ดริงค์ 60% และอีกอะมิโน โอเค 12%