ครม.ควัก 4,000 ล้านบาท เพิ่มงบรายหัวอาหารกลางวันเด็กหัวละ 3 บาท เป็น 13 บาท/หัว จาก 10 บาท/หัว ให้เด็กกินข้าวเที่ยงฟรี 100% พร้อมกำหนดราคารับซื้อน้ำนมดิบ ถูกลงกิโลกรัมละ 1.50 บาท ส่วนยูเอชทีให้ซื้อจากผู้ประกอบการ 5 ราย
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (13 พ.ค.) อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอให้เด็กนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เล็ก เด็กนักเรียนอนุบาล-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) โรงเรียนสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนสังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ศูนย์เลี้ยงเด็ก สังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณอาหารกลางวัน เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ หมายถึงนักเรียนที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จากเดิม 60 เปอร์เซ็นต์ และปรับอัตราค่าอาหารกลางวันจากอัตราคนละ 10 บาท ต่อวัน เป็นคนละ 13 บาท ต่อวัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2553 เป็นต้นไป ซึ่งเห็นควรใช้อัตราดังกล่าวในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนอาหารกลางวันในปีงบประมาณ พ.ศ.2553 จะเป็นวงเงินเพิ่มจากที่จัดเตรียมงบประมาณไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ.2552 เป็นเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยเพิ่มจากที่กำหนดไว้เดิม 10,526 ล้านบาท เป็น 14,526 ล้านบาท
นอกจากนี้ ได้ประสานขอความร่วมมือจากคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ อปท.เพื่อที่จะนำรายได้ของ อปท.มาสมทบค่าอาหารกลางวัน เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยเหลือนักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการ
**ครม.เคาะสเปกนม ร.ร.รับซื้อนมดิบถูกลง
นายวัชระ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติการกำหนดราคารับซื้อน้ำนมดิบและหลักเกณฑ์การจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียนตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ โดย ครม.เห็นชอบให้กำหนดราคารับซื้อน้ำนมดิบ ณ โรงงาน กิโลกรัมละ 16.50 บาท ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา และ ครม.เห็นชอบให้กำหนดราคากลางนมโรงเรียน โดย นมพาสเจอร์ไรส์ ถุงละ 6.26 บาท นม U.H.T.ชนิดกล่อง กล่องละ 7.55 บาท และนม U.H.T.ชนิดซอง กล่องละ 7.45 บาท ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2552 เป็นต้นไป
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ครม.เห็นชอบให้ อปท.หรือหน่วยจัดซื้อที่เกี่ยวข้องจัดซื้อนมสำหรับนักเรียนชั้น ป.5-6 ตามแผนการดื่มนมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2552 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2552 เป็นนมยูเอชทีจากผู้ประกอบการจำนวน 5 ราย ได้แก่ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) สหกรณ์โคนมหนองโพ จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จำกัด บริษัท คันทรีเฟรช แดรี่ส์ จำกัด และบริษัท เชียงใหม่ เฟรชมิลค์ จำกัด ซึ่งรับซื้อน้ำนมดิบล้นตลาดตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.เป็นต้นมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่ ครม.มีมติอนุมัติครั้งนี้เท่ากับว่าทำให้การรับซื้อน้ำนมดิบได้ราคาที่ถูกลง จากเดิมรับซื้อในราคา 18.00 บาท เหลือ 16.50 บาท ทำให้ซื้อได้ถูกลง 1.50 บาท ส่วนราคากลางนมโรงเรียนแต่ละชนิด ทั้งนมพาสเจอร์ไรส์ นม U.H.T.ชนิดกล่องและนมU.H.T.ชนิดซอง ก็รับซื้อได้ในราคาถูกลงชนิดละ 0.31 บาท
**เห็นชอบแยกเขต พท.ประถม-มัธยม
นาย ศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่) พ.ศ...และร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องรวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอ และให้ส่งสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า เนื่องจาก พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ได้กำหนดให้มีการประกาศเขตพื้นที่การศึกษา แต่จากการดำเนินการไปได้ระยะหนึ่งพบว่า ในการบริหารงานในส่วนของเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งต้องรับผิดชอบภารกิจ ทั้งในส่วนของการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา นั้น พบว่า มีปัญหาติดขัด เกี่ยวกับการบริหารงานในส่วนภารกิจด้านมัธยมศึกษา ซึ่งการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา ตาม พ.ร.บ.การศึกษาฉบับปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาดังกล่าว
จึงเห็นควรให้แก้ไข ปรับปรุง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 ให้การกำหนดเขตุพื้นที่การศึกษา สอดคล้องกับการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานประถมศึกษาขั้นพื้นฐานของประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาของประถมศึกษา และกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาของมัธยมศึกษา
นอกจากนี้ เมื่อมีการปรับปรุงเกี่ยวกับเขตพื้นที่การศึกษา โดยกำหนดให้มีเขตพื้นที่การศึกษาของประถมศึกษา และเขตพื้นที่การศึกษาของมัธยมศึกษาแล้ว ต้องมีการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา และอนุกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรประจำเขตพื้นที่การศึกษา โดยแก้ไข ปรับปรุง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ให้สอดคล้องกับการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาของประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ให้เกิดความเหมาะสม และคล่องตัวในการปฏิบัติงานยิ่งขึ้น
นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (13 พ.ค.) อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอให้เด็กนักเรียนทุกคน ตั้งแต่เล็ก เด็กนักเรียนอนุบาล-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) โรงเรียนสังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน โรงเรียนสังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน ศูนย์เลี้ยงเด็ก สังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณอาหารกลางวัน เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ หมายถึงนักเรียนที่สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จากเดิม 60 เปอร์เซ็นต์ และปรับอัตราค่าอาหารกลางวันจากอัตราคนละ 10 บาท ต่อวัน เป็นคนละ 13 บาท ต่อวัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2553 เป็นต้นไป ซึ่งเห็นควรใช้อัตราดังกล่าวในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณสนับสนุนอาหารกลางวันในปีงบประมาณ พ.ศ.2553 จะเป็นวงเงินเพิ่มจากที่จัดเตรียมงบประมาณไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ.2552 เป็นเงินประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยเพิ่มจากที่กำหนดไว้เดิม 10,526 ล้านบาท เป็น 14,526 ล้านบาท
นอกจากนี้ ได้ประสานขอความร่วมมือจากคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ อปท.เพื่อที่จะนำรายได้ของ อปท.มาสมทบค่าอาหารกลางวัน เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยเหลือนักเรียนที่มีภาวะทุพโภชนาการ
**ครม.เคาะสเปกนม ร.ร.รับซื้อนมดิบถูกลง
นายวัชระ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติการกำหนดราคารับซื้อน้ำนมดิบและหลักเกณฑ์การจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียนตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ โดย ครม.เห็นชอบให้กำหนดราคารับซื้อน้ำนมดิบ ณ โรงงาน กิโลกรัมละ 16.50 บาท ตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา และ ครม.เห็นชอบให้กำหนดราคากลางนมโรงเรียน โดย นมพาสเจอร์ไรส์ ถุงละ 6.26 บาท นม U.H.T.ชนิดกล่อง กล่องละ 7.55 บาท และนม U.H.T.ชนิดซอง กล่องละ 7.45 บาท ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1/2552 เป็นต้นไป
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ครม.เห็นชอบให้ อปท.หรือหน่วยจัดซื้อที่เกี่ยวข้องจัดซื้อนมสำหรับนักเรียนชั้น ป.5-6 ตามแผนการดื่มนมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2552 ถึงวันที่ 30 ก.ย.2552 เป็นนมยูเอชทีจากผู้ประกอบการจำนวน 5 ราย ได้แก่ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) สหกรณ์โคนมหนองโพ จำกัด ในพระบรมราชูปถัมภ์ สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น จำกัด บริษัท คันทรีเฟรช แดรี่ส์ จำกัด และบริษัท เชียงใหม่ เฟรชมิลค์ จำกัด ซึ่งรับซื้อน้ำนมดิบล้นตลาดตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.เป็นต้นมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่ ครม.มีมติอนุมัติครั้งนี้เท่ากับว่าทำให้การรับซื้อน้ำนมดิบได้ราคาที่ถูกลง จากเดิมรับซื้อในราคา 18.00 บาท เหลือ 16.50 บาท ทำให้ซื้อได้ถูกลง 1.50 บาท ส่วนราคากลางนมโรงเรียนแต่ละชนิด ทั้งนมพาสเจอร์ไรส์ นม U.H.T.ชนิดกล่องและนมU.H.T.ชนิดซอง ก็รับซื้อได้ในราคาถูกลงชนิดละ 0.31 บาท
**เห็นชอบแยกเขต พท.ประถม-มัธยม
นาย ศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่) พ.ศ...และร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องรวม 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอ และให้ส่งสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า เนื่องจาก พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ได้กำหนดให้มีการประกาศเขตพื้นที่การศึกษา แต่จากการดำเนินการไปได้ระยะหนึ่งพบว่า ในการบริหารงานในส่วนของเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งต้องรับผิดชอบภารกิจ ทั้งในส่วนของการศึกษาขั้นพื้นฐาน ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา นั้น พบว่า มีปัญหาติดขัด เกี่ยวกับการบริหารงานในส่วนภารกิจด้านมัธยมศึกษา ซึ่งการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา ตาม พ.ร.บ.การศึกษาฉบับปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหาดังกล่าว
จึงเห็นควรให้แก้ไข ปรับปรุง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 ให้การกำหนดเขตุพื้นที่การศึกษา สอดคล้องกับการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานประถมศึกษาขั้นพื้นฐานของประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โดยการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาของประถมศึกษา และกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาของมัธยมศึกษา
นอกจากนี้ เมื่อมีการปรับปรุงเกี่ยวกับเขตพื้นที่การศึกษา โดยกำหนดให้มีเขตพื้นที่การศึกษาของประถมศึกษา และเขตพื้นที่การศึกษาของมัธยมศึกษาแล้ว ต้องมีการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา และอนุกรรมการข้าราชการครู และบุคลากรประจำเขตพื้นที่การศึกษา โดยแก้ไข ปรับปรุง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ให้สอดคล้องกับการกำหนดเขตพื้นที่การศึกษาของประถมศึกษาและมัธยมศึกษา ให้เกิดความเหมาะสม และคล่องตัวในการปฏิบัติงานยิ่งขึ้น
