อย.หนุนเพิ่มสัดส่วนนมยูเอชทีในนมโรงเรียนชี้เป็นทางเลือกที่เหมาะสม หากนมพาสเจอไรซ์ไม่ปรับปรุงมาตรฐานการขนส่ง การจัดเก็บในอุณหภูมิความเย็นไม่เกิน 8 องศาเซลเซียส ตลอดเส้นทางตั้งแต่ออกจากโรงงานจนถึงให้เด็กดื่ม
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า อย.สนับสนุนให้เพิ่มสัดส่วนนมยูเอชทีในนมโรงเรียน แม้ว่านมพาสเจอร์ไรซ์จะเป็นนมที่มีคุณค่าทางอาหารดีที่สุดสำหรับเด็กเพื่อบริโภคแต่ต้องมีการควบคุมระบบการรักษาความเย็นของนมตั้งแต่การขนส่งออกจากโรงงานจนถึงนำนมให้เด็กดื่ม โดยต้องรักษาอุณหภูมิในถุงนมไว้ในความเย็นตลอดเวลาที่อุณหภูมิ 4-5 องศาเซลเซียสและไม่ควรเกิน 8 องศาเซลเซียส ถ้ายังคงรักษาอุณหภูมินี้ได้ตลอด นมพาสเจอร์ไรซ์จะดีเหมาะสำหรับการบริโภคของเด็ก แต่หากไม่สามารถทำได้ จะทำให้อุณหภูมินมสูงขึ้น เกิดปัญหานมเน่าบูด ซึ่งจะเป็นสาเหตุทำให้เด็กเกิดการท้องเสีย ท้องร่วง อาหารเป็นพิษ เกิดทุพโภชนาการหรือภาวะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน
“ปัญหาเหล่านี้ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ขณะนี้พบว่ายังไม่สามารถเก็บรักษาอุณหภูมิของนมพาสเจอไรซ์ให้มีความเย็นได้คงที่สม่ำเสมอในทุกครั้งที่เด็กดื่ม ดังนั้น การปรับเปลี่ยนเพิ่มสัดส่วนเป็นนมยูเอชทีในโครงการนมโรงเรียนจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสม”นพ.พิพัฒน์กล่วา
นพ.พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า อย.มีจุดยืนที่จะควบคุมผู้ผลิตนมทุกรายให้เน้นมาตรฐานกระบวนการผลิต ทุกโรงงานต้องได้มาตรฐานจีเอ็มพี และมาตรฐานของนมต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดทั้งในค่ามาตรฐานเรื่องโปรตีน ไขมันและเนื้อนมไม่รวมมันเนย รวมถึงความปลอดภัยด้านแบคทีเรีย อย.จะดำเนินการตรวจสอบและหากพบข้อบกพร่องในกระบวนการผลิต โดยเฉพาะหากตรวจพบการปนเปื้อนแบคทีเรียเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ อย.จะดำเนินการให้หยุดการผลิตทันที และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
“หากรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาโดยเพิ่มสัดส่วนนมยูเอชทีในโครงการนมโรงเรียน ผู้ผลิตนมพาสเจอไรซ์ที่ยังคงดำเนินการอยู่ก็ยังคงต้องผลิตให้ได้มาตรฐาน และควรเร่งปรับระบบการขนส่งและการเก็บรักษาปรับระบบความเย็นในถังแช่หรือตู้แช่ให้อยู่ในอุณหภูมิที่ถูกต้องและเหมาะสม ป้องกันความเสี่ยงจากปัญหานมบูด ทำให้เด็กท้องเสีย เพื่อสุขภาพที่ดีของเยาวชนของชาติ”เลขาธิการ อย.กล่าว
