บิ๊กศุลกากร ปลื้มรายได้ ก.ค.เริ่มดีขึ้น และสูงกว่าเป้า 6.5 พันล้าน หลังใช้มาตรการเข้มคุมสินค้าหนีภาษี พร้อมโต้ข่าวเป็น 1 ใน 4 มาเฟียสนามบินสุวรรณภูมิ
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้ศุลกากรเดือนกรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า สามารถจัดเก็บรายได้ถึง 7,463 ล้านบาท และเมื่อหักอากรถอนคืน 590 ล้านบาท ทำให้มียอดจัดเก็บรายได้สุทธิ 6,873 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,500 ล้านบาท และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาที่ 5,816 ล้านบาท
สำหรับในช่วง 9 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2552 นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า กรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ได้ 59,077 ล้านบาท แต่คาดว่า ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2552 จะจัดเก็บได้อีก 19,500 ล้านบาท ทำให้รายได้ทั้งปีงบประมาณ มีจำนวน 76,500 ล้านบาท ทำให้ทั้งปีจัดเก็บรายได้พลาดเป้าหมายไป 20,000 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าเดิมที่คาดว่าจะพลาดเป้าหมายถึง 40,000 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่ทำให้กรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ได้มากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการหารือกับนายด่านศุลกากร 5 ด่าน ที่มีสัดส่วนต่อการเก็บภาษีนำเข้าสูงถึงร้อยละ 94 เพื่อขอให้ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีผ่านกลไกต่างๆ ให้ดีขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีก็ตาม โดยได้สั่งการให้เข้มงวดกวดขันการตรวจสอบสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงในการหลีกเลี่ยงภาษี
อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ซึ่งกรมศุลกากรจะติดตามตัวเลขอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน จะเน้นหนักในการปราบปราบยาเสพติด สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และสินค้าเกษตรที่จะเข้ามาสวมสิทธิ์ในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล และเหตุเฉพาะกิจต่างๆ
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า กรมศุลกากรเป็น 1 ใน 4 มาเฟีย ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้กระทบต่อการท่องเที่ยว ยืนยันว่า ทราบเพียงเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่มีการลักลอบขนสุรา บุหรี่ โดยไม่เสียภาษี ในส่วนของกรม พร้อมระบุว่า ตนเองได้สุ่มตรวจตามกฎระเบียบโดยตลอด แต่ก็พร้อมที่จะดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น และจะพยายามประสานงานกัน เพื่อแก้ไขปัญหานี้
โดยด่านศุลกากรก็พยายามรักษาความสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและการเข้มงวดกวดขัน เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว แต่ในส่วนของหน้าด่านและหลังด่าน ยังมีอีกหลายหน่วยงานและมีอะไรอีกมาก ซึ่งเห็นว่าควรจะมีคนกลางเข้ามาดูแลทั้ง 4 หน่วยงานให้เข้มงวดและกรมศุลกากรยินดีหากจะมีการทำข้อตกลงร่วมกันที่มากกว่านี้
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงผลการจัดเก็บรายได้ศุลกากรเดือนกรกฎาคม 2552 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า สามารถจัดเก็บรายได้ถึง 7,463 ล้านบาท และเมื่อหักอากรถอนคืน 590 ล้านบาท ทำให้มียอดจัดเก็บรายได้สุทธิ 6,873 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 6,500 ล้านบาท และยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาที่ 5,816 ล้านบาท
สำหรับในช่วง 9 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2552 นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า กรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ได้ 59,077 ล้านบาท แต่คาดว่า ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2552 จะจัดเก็บได้อีก 19,500 ล้านบาท ทำให้รายได้ทั้งปีงบประมาณ มีจำนวน 76,500 ล้านบาท ทำให้ทั้งปีจัดเก็บรายได้พลาดเป้าหมายไป 20,000 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าเดิมที่คาดว่าจะพลาดเป้าหมายถึง 40,000 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุที่ทำให้กรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ได้มากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการหารือกับนายด่านศุลกากร 5 ด่าน ที่มีสัดส่วนต่อการเก็บภาษีนำเข้าสูงถึงร้อยละ 94 เพื่อขอให้ปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีผ่านกลไกต่างๆ ให้ดีขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดีก็ตาม โดยได้สั่งการให้เข้มงวดกวดขันการตรวจสอบสินค้าที่มีความเสี่ยงสูงในการหลีกเลี่ยงภาษี
อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ซึ่งกรมศุลกากรจะติดตามตัวเลขอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน จะเน้นหนักในการปราบปราบยาเสพติด สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และสินค้าเกษตรที่จะเข้ามาสวมสิทธิ์ในโครงการต่างๆ ของรัฐบาล และเหตุเฉพาะกิจต่างๆ
อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า กรมศุลกากรเป็น 1 ใน 4 มาเฟีย ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทำให้กระทบต่อการท่องเที่ยว ยืนยันว่า ทราบเพียงเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่มีการลักลอบขนสุรา บุหรี่ โดยไม่เสียภาษี ในส่วนของกรม พร้อมระบุว่า ตนเองได้สุ่มตรวจตามกฎระเบียบโดยตลอด แต่ก็พร้อมที่จะดูแลให้เข้มงวดมากขึ้น และจะพยายามประสานงานกัน เพื่อแก้ไขปัญหานี้
โดยด่านศุลกากรก็พยายามรักษาความสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและการเข้มงวดกวดขัน เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว แต่ในส่วนของหน้าด่านและหลังด่าน ยังมีอีกหลายหน่วยงานและมีอะไรอีกมาก ซึ่งเห็นว่าควรจะมีคนกลางเข้ามาดูแลทั้ง 4 หน่วยงานให้เข้มงวดและกรมศุลกากรยินดีหากจะมีการทำข้อตกลงร่วมกันที่มากกว่านี้