ดีเอสไอออกโรงแจง “ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ” ผู้ต้องหาคดียิง “สนธิ” ไม่เคยนั่งทำงานหน้าห้องรองอธิบดี แต่ยอมรับเคยร่วมงานเฉพาะมีภารกิจจับกุมที่ต้องร้องขอกำลังเสริมเท่านั้น ขณะที่พฤติกรรมชัด ร่วมชุดเฉพาะกิจปฏิบัติงานสืบสวนจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญที่ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นหัวหน้าชุด
วันนี้ (15 ก.ค.) พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวถึงกรณี ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ทราบว่าหมายจับที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ขออนุมัติจับกุมเป็นไปตามรายชื่อที่สื่อมวลชนนำเสนอหรือไม่ ดังนั้น ดีเอสไอจะประสานไปยัง สตช.เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้และจะตรวจสอบด้วยว่าเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในหมายจับ เป็นบุคคลคนเดียวกับที่เคยขอทาบโอนมายังดีเอสไอก่อนหน้านี้หรือไม่ หากเป็นบุคคลเดียวกัน คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ เจ้าตัวได้ปฏิเสธไม่ขอโอนย้ายมาดีเอสไอแล้ว เพราะสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เทียบโอนไห้เพียงตำแหน่งพนักงานบันทึกข้อมูล ระดับ 2
พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ไม่ได้มาช่วยราชการดีเอสไอ ส่วนในทางปฏิบัตินั้นยืนยันได้ว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ไม่ได้มานั่งทำงานเป็นหน้าห้องของรองอธิบดีดีเอสไอคนใด แต่การร่วมปฏิบัติงานที่ผ่านมาเป็นเพียงการร้องขอกำลังเสริมในการเข้าจับกุมเป็นรายคดี
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอไม่เคยได้รับการประสานข้อมูลใดๆ จากทางตำรวจ จึงยังไม่อยากพูดเรื่องนี้ ซึ่งตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุชาติ ซึ่งรับผิดชอบดูแลงานบุคคลตรวจสอบรายละเอียดของเรื่องดังกล่าว
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ส.ต.ท.วรวุฒิ ได้ร่วมชุดเฉพาะกิจปฏิบัติงานสืบสวนจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญที่ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นหัวหน้าชุด ไม่ว่าจะเป็นการจับกุมมาเฟียแบนดีโดสในเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หรือการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สามารถยึดเงินสดและทรัพย์สินได้กว่า 10 ล้านบาท โดย ส.ต.ท.วรวุฒิ มักจะสวมแว่นกันแดดสีดำตลอดเวลา เพื่อปกปิดอาการบาดเจ็บจากการถูกคนร้ายแก๊งยาเสพติดทำร้ายจนกะโหลกศีรษะบริเวณใบหน้ายุบ ขณะที่ ส.ต.ท.วรวุฒิ แฝงตัวเข้าสืบสวนเพื่อรวบรวมหลักฐานเข้าจับกุม สำหรับ พ.ต.อ.ดุษฎี ก่อนหน้าที่จะโอนย้ายมาอยู่ดีเอสไอก็เคยปฏิบัติงานในกองบัญชาการตำรวจปราบปราบยาเสพติด (บช.ปส.)
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า คดีที่ดีเอสไอเดินทางลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เพื่อตรวจดูของกลางกรณีเจ้าหน้าที่พบเงินสดมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ของกลางที่ยึดได้จากการปราบปรามยาเสพติดเมื่อปี 2548 ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ดังนั้น หลังเกิดเหตุยิงนายสนธิเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ปรากฏว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ผู้ต้องหาตามหมายจับก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน แต่ยังคงช่วยงานดีเอสไออยู่ ทั้งๆ ที่ ดีเอสไอยืนยันว่ายังไม่ได้รับโอนมาอย่างเป็นทางการก็ตามที
วันนี้ (15 ก.ค.) พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวถึงกรณี ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าขณะนี้ดีเอสไอยังไม่ทราบว่าหมายจับที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ขออนุมัติจับกุมเป็นไปตามรายชื่อที่สื่อมวลชนนำเสนอหรือไม่ ดังนั้น ดีเอสไอจะประสานไปยัง สตช.เพื่อขอความชัดเจนในเรื่องนี้และจะตรวจสอบด้วยว่าเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในหมายจับ เป็นบุคคลคนเดียวกับที่เคยขอทาบโอนมายังดีเอสไอก่อนหน้านี้หรือไม่ หากเป็นบุคคลเดียวกัน คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ เจ้าตัวได้ปฏิเสธไม่ขอโอนย้ายมาดีเอสไอแล้ว เพราะสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เทียบโอนไห้เพียงตำแหน่งพนักงานบันทึกข้อมูล ระดับ 2
พ.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ไม่ได้มาช่วยราชการดีเอสไอ ส่วนในทางปฏิบัตินั้นยืนยันได้ว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ไม่ได้มานั่งทำงานเป็นหน้าห้องของรองอธิบดีดีเอสไอคนใด แต่การร่วมปฏิบัติงานที่ผ่านมาเป็นเพียงการร้องขอกำลังเสริมในการเข้าจับกุมเป็นรายคดี
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ดีเอสไอไม่เคยได้รับการประสานข้อมูลใดๆ จากทางตำรวจ จึงยังไม่อยากพูดเรื่องนี้ ซึ่งตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.สุชาติ ซึ่งรับผิดชอบดูแลงานบุคคลตรวจสอบรายละเอียดของเรื่องดังกล่าว
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ ส.ต.ท.วรวุฒิ ได้ร่วมชุดเฉพาะกิจปฏิบัติงานสืบสวนจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญที่ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยะวุฒิ รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นหัวหน้าชุด ไม่ว่าจะเป็นการจับกุมมาเฟียแบนดีโดสในเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หรือการจับกุมนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่สามารถยึดเงินสดและทรัพย์สินได้กว่า 10 ล้านบาท โดย ส.ต.ท.วรวุฒิ มักจะสวมแว่นกันแดดสีดำตลอดเวลา เพื่อปกปิดอาการบาดเจ็บจากการถูกคนร้ายแก๊งยาเสพติดทำร้ายจนกะโหลกศีรษะบริเวณใบหน้ายุบ ขณะที่ ส.ต.ท.วรวุฒิ แฝงตัวเข้าสืบสวนเพื่อรวบรวมหลักฐานเข้าจับกุม สำหรับ พ.ต.อ.ดุษฎี ก่อนหน้าที่จะโอนย้ายมาอยู่ดีเอสไอก็เคยปฏิบัติงานในกองบัญชาการตำรวจปราบปราบยาเสพติด (บช.ปส.)
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า คดีที่ดีเอสไอเดินทางลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เพื่อตรวจดูของกลางกรณีเจ้าหน้าที่พบเงินสดมูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์ของกลางที่ยึดได้จากการปราบปรามยาเสพติดเมื่อปี 2548 ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ดังนั้น หลังเกิดเหตุยิงนายสนธิเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ปรากฏว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ผู้ต้องหาตามหมายจับก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน แต่ยังคงช่วยงานดีเอสไออยู่ ทั้งๆ ที่ ดีเอสไอยืนยันว่ายังไม่ได้รับโอนมาอย่างเป็นทางการก็ตามที