xs
xsm
sm
md
lg

“DSI” ตอบไม่ชัดรถยนต์โจร - ขอเอาใจช่วยคดีลอบสังหาร “สนธิ”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พ.ต.อ.ณรัตช์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ
DSI ปัดสวะพ้นตัวรถยนต์ของกลาง “วรวุฒิ” โยน คกก.เป็นผู้ตรวจหาข้อเท็จจริง ตอบไม่ชัดใครดูแลรถยนต์ต้องสงสัย เผย 2 สัปดาห์รู้ผลสอบ ระบุยินดีให้ความร่วมมือและเอาใจช่วยชุดคลี่คลายคดีลอบสังหาร “สนธิ”

วันนี้ (13 ส.ค.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะโฆษกดีเอสไอชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ยึดรถเก๋งยี่ห้อเชฟโรเลต ซาฟิร่า สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน ศว-8051 กทม. ได้จากบ้านแม่ยายของ ส.ต.ท.วรวุติ มุ่งสันติ ตำรวจ บช.ปส.ช่วยราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายในซอยลาดปลาเค้า 72 แยก 6 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. และได้ทำการอายัดไว้ว่า ที่มาของรถคันดังกล่าว เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาทางกรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปรามปราบยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสำนักงานป้องกันและปรามปราบการฟอกเงิน (ปปง.) และหลายหน่วยงานซึ่งมาจากต่างประเทศด้วย ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาหลายรายและได้ยึดรถยนต์ของกลางและทรัพย์สินอื่นเป็นจำนวนมากกว่า 100 ล้านบาท ถือเป็นการยึดได้มากสุดในรอบปี โดยตามพระราชบัญญัติมาตรการของ ป.ป.ส. ได้มีการอนุญาตให้บางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการยืมของส่วนราชการไปใช้ประโยชน์ ซึ่งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ได้ดูแลงานเกี่ยวกับคดียาเสพติดก็ได้ยื่นเรื่องอนุญาตขอใช้ไป ต่อมาในวันที่ 11 มิถุนายน ทาง ป.ป.ส.ได้มีหนังสือเลขที่ 2510/2552 อนุมัติ เป็นคำสั่งของเลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ส่วนราชการที่ทำการยึดไว้ไปใช้ประโยชน์

โฆษกดีเอสไอกล่าวต่อว่า รถของทางราชการแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.รถที่ส่วนราชการซื้อหรือครอบครองอยู่ หรือที่เรียกว่ารถหลวง 2.รถที่ส่วนราชการมีการเช่าในกำหนดระยะเวลา อาทิ 3-4 ปี 3.รถที่ถูกยึดไว้ แต่สามารถขอไปเพื่อใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งกรณีสุดท้ายคือที่เป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ โดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษขึ้นมาตรวจสอบมี นายชาติชาย โทสินสันติ ข้าราชการระดับ 8 ที่โอนย้ายมาจากสำนักงาน ป.ป.ส.เป็นประธาน เบื้องต้นทราบว่า เป็นรถที่ทาง ป.ป.ส.อนุมัติให้มาใช้ แต่ขณะนี้อยู่ในทางธุรการเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นรถของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อใช้งานในราชการ ส่วนท่านใดจะผิดข้อระเบียบทางวินัยหรือกฎหมายข้อบังคับนั้น ขณะนี้ก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตามคงจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนอีก 2 สัปดาห์

พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายสนธิ ลิ้มทองกุล นั้น ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษพร้อมให้ความเคารพและให้ความร่วมมือกับทางหัวหน้าชุดสอบสวนคดีทั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ หัวหน้าชุดสอบสวนรวมไปถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ทางดีเอสไอยินดีให้ความร่วมมือทุกประการ และเอาใจช่วยอย่างเต็มที่ เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว

“ในเรื่องของรถยนต์ ถ้ามาลงทะเบียนตั้งแต่ต้นก็คงจะชัดเจน ในส่วนที่ดูแลการบริหารก็สามารถที่จะตรวจสอบกับฝ่ายยานพาหนะ สำนักเลขาธิการกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ว่านำไปใช้ในกรณีใดบ้าง แต่กระบวนการดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้น” พ.ต.อ.ณรัตช์กล่าว

โฆษกดีเอสไอกล่าวต่อว่า ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษมีกฎหมายที่สามารถเปิดให้ทำงานกับส่วยราชการอื่นได้ สำหรับกรณี ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันตินั้น ทางเราก็ได้เรียนไปแล้วว่า เคยมีความประสงค์ที่จะโอนย้ายเข้ามารับราชการทำที่กรมสอบสวนคดีพิเศษถึง 2 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกทางผู้บัญชาการตำรวจ (ผบ.ตร.) ท่านก่อนไม่อนุมัติ ครั้งที่ 2 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้มา แต่เมื่อเทียบชั้นยศกับทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน แต่ได้ขั้นยศที่ต่ำจึงตัดสินใจไม่ย้ายมา และไม่ได้มีคำสั่งมาช่วยราชการแบบเป็นทางการ แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่ทางหน่วยราชการจะมีการประสานข้อมูล

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากวันที่ 11 มิถุนายน ที่ทาง ป.ป.ส.อนุมัติมาให้ใช้ ทางส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษใครเป็นผู้รับผิดชอบ พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่เจ้าหน้าที่ที่จับกุมในครั้งเดือนมีนาคม ทางเรามีศูนย์เกี่ยวกับการป้องกันและปรามปราบยาเสพติดอยู่ ตามที่ข้อมูลที่เรามีจากการตรวจสอบ ปรากฏว่ากลุ่มบุคลากรทางด้านนี้ก็ดำเนินการอยู่

ถามต่อว่า รถยนต์คันดังกล่าวมีการยืมไปใช้ในระยะเวลาที่นานเกินเวลาของราชการ เพราะมีการปรากฏว่ามีการนำไปปลอมทะเบียนเพื่อใช้งานซึ่งดูเหมือนทางดีเอสไอไม่มีการตรวจสอบก่อนหน้านี้ พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า เราได้ขออนุมัติถูกต้อง ซึ่งมีคำสั่งมาเมื่อเดือนมิถุนายนส่วนรายละเอียดต่างๆคงเป็นเรื่องของคณะกรรมการ ซึ่งหากมีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบใดๆ ทางคณะกรรมการที่ทาง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษตั้งไว้คงจะเสนอมาว่า มีผู้ใดเป็นเจ้าหน้าที่ของเราหรือไม่ ที่ดำเนินการขัดแย้งกับระเบียบของทางราชการอย่างไร ก็คงจะได้มีการดำเนินการทางการปกครองในเรื่องความผิดเรื่องวินัยไป

เมื่อซักว่า ระเบียบข้าราชการตามปกติของกรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถนำไปใช้ได้นานเท่าใด โฆษกดีเอสไอกล่าวว่า แล้วแต่กรณีว่านำไปใช้ในงานใด ส่วนกรณีนี้ต้องรอคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้นมาอีกที

ผู้สื่อข่าวแย้งต่อว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ มีการติดต่อกับดีเอสไออยู่ หลังจากมีการออกหมายจับไปแล้ว โฆษกดีเอสไอกล่าวว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีตามมารยาท ตนไม่ขอก้าวล่วง แม้ว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะเป็นหน่วยงานใหม่ ก็ถือว่าเป็นหน่วยที่บังคับใช้กฎหมาย ทางพนักงานสอบสวนทุกคนก็ทำหน้าที่อยู่ภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้ไว้ทุกประการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของทรัพย์สิน 117 ล้านที่มีการอายัดไว้เกิดการรั่วไหลเหมือนกับ รถยนต์ดังกล่าว พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมี

เมื่อถามว่า ดูเหมือนกับดีเอสไอไม่ได้พูดข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะต่อมาทางพนักงานสอบสวนยังสามารถที่จะสืบความก้าวหน้าของคดีและสุดท้ายก็มาเกี่ยวข้องกับดีเอสไอ พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า เรื่องของความเกี่ยวข้องนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษทำงานร่วมกับหน่วยราชการอื่นมากมายหลายร้อยคน ความเกี่ยวข้องก็คงมีในลักษณะผู้ร่วมงานในการสืบสวนหรือทำคดีต่างๆ แต่ในเรื่องของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษคงไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง ซึ่งเราไม่อยู่ในฐานะที่จะพูดอะไรได้ ยกเว้นเพียงแต่ว่าในหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายด้วยกัน กรมสอบสวนคดีพิเศษและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีความสัมพันธ์กันดีระหว่างกัน ทั้งตัวบุคคลและในแง่องค์กร เราก็พร้อมให้ความร่วมมือและเอาใจช่วยให้สามารถคลี่คลายคดีให้ได้ลุล่วง

ผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคลใดเป็นผู้อนุมัติให้นำรถของทางกรมสอบสวนคดีพิเศษออกไปใช้ โฆษกดีเอสไอกล่าวว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ คิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องมาเรียนให้สื่อมวลชนทราบขณะนี้ และอาจจะไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกพาดพิง ทางเราจึงขอตรวจสอบให้ชัดเจน

เมื่อถามต่อว่า พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ได้ถามดีเอสไอว่าจะยึดรถคันดังกล่าวไปใช้หากกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่เอากลับคืน พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวเพียงว่า สุดแล้วแต่ท่าน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังตั้งคณะกรรมสอบข้อเท็จจริงแล้วจะมีการแจกแจงรายละเอียดชัดเจนหรือไม่ว่ารถถูกนำไปใช้ในวัน เวลาใดบ้าง โฆษกดีเอสไอกล่าวว่า คงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่จะชี้แจงและคงจะทำความจริงให้ปรากฏ
กำลังโหลดความคิดเห็น