xs
xsm
sm
md
lg

เปิดผลสำรวจผู้บริโภคยุค ศก.ตกสะเก็ด ตลาดอยู่ในกำมือผู้ซื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โอกีวี เผยผลสำรวจผู้บริโภค ก่อน-หลัง ศก.ชะลอตัว พบพฤติกรรมและทัศนคติการซื้อสินค้า เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ พร้อมระบุ 10 หมวดสินค้าความเสี่ยงสูง ผลวิจัย ชี้ การใช้จ่าย ปชช.ติดลบ 2.2% โดยใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สินค้าฟุ่มเฟือยจะยึดคุณภาพมากกว่ายี่ห้อ ส่วนสินค้าจำเป็นเน้นยี่ห้อเป็นหลัก

บริษัท โอกีวีเอ็กชั่น จำกัด เปิดเผยผลสำรวจผู้บริโภค ณ จุดขายภายในร้านค้าโมเดิร์นเทรดและซูเปอร์มาร์เก็ต จำนวน 604 ตัวอย่าง เน้นกลุ่มแม่บ้านและผู้ซื้อทั่วไป เกี่ยวกับพฤติกรรมและทัศนคติการใช้จ่ายก่อนและหลังวิกฤตเศรษฐกิจใน 10 หมวด พบว่า ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นลดลง เช่น ชีส พลาสตา เบียร์ ไวน์ กาแฟสำเร็จรูป ชาเขียว ไอศกรีม โดยจะซื้อเมื่อมีการลดราคา และมองหาสินค้าอื่นแทน หรือแม้กระทั่งหยุดซื้อ โดยอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งถูกซื้อน้อยลง เพราะผู้ซื้อหันไปซื้ออาหารตลาดสดแทน

ส่วนสินค้าจำเป็นยังได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากผู้ซื้อยังซื้อเท่าเดิม เช่น ยาสีฟัน เครื่องปรุงอาหาร ผัก ผลไม้ โดยผู้ซื้อไม่ให้ความสำคัญกับราคาเท่าใดนัก ขณะที่สินค้าที่มีความเสี่ยงปานกลาง พบว่าผู้บริโภคปรับพฤติกรรมจากการซื้อตุนมาเป็นซื้อเมื่อจำเป็น เช่น สินค้าหมวดข้าวสาร น้ำมันพืช ผงซักฟอก เครื่องดื่มทำจากนม

นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า การโปรโมชันลดราคาอาจได้ผลน้อย เนื่องจากระยะยาวผู้ซื้ออาจปฏิเสธผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเมื่อปรับราคาขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกัน ยังพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 61 มีการตัดสินใจซื้อภายในร้านค้า โดยจำนวนนี้เน้นปริมาณสินค้าร้อยละ 32 ยี่ห้อร้อยละ 21 และเน้นหมวดหมู่ร้อยละ 8 สินค้าที่ผู้ซื้อไม่ยึดติดยี่ห้อมากที่สุด คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แต่สินค้าประเภทแป้งรวมถึงข้าวผู้ซื้อจะเน้นยี่ห้อเป็นหลัก จึงเห็นว่าสินค้าดังกล่าวควรทำโปรโมชั่นราคาเพื่อความคุ้มค่า

โอกีวี ยังอ้างอิงผลการวิจัยของบริษัท พลาเน็ตรีเทล ที่ระบุว่า อัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคปีนี้จะติดลบร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่าแตกต่างกันถึง 107,000 ล้านบาท และยังเห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคหรืออัตราเงินเฟ้อจะยังไม่ฟื้นตามผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นผลมาจากโปรโมชั่นราคาถูกในช่วงนี้ ทำให้ผู้บริโภคเคยชินและจะตัดสินใจยากขึ้น หากสินค้าปรับราคาขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ

ส่วนผลสำรวจของเอซีเนลสัน ในช่วงต้นปีระบุว่าร้อยละ 55 ของคนไทยไม่มั่นใจสถานการณ์การเงินของตนเอง และร้อยละ 66 เห็นว่าภายใน 12 เดือนข้างหน้าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการจับจ่าย และร้อยละ 54 เห็นว่าควรออมเงินไว้ใช้จ่ายในคราวจำเป็น
กำลังโหลดความคิดเห็น