“เทสโก้โลตัส” ทุ่มอีก 5,000 ล้านบาท เดินเกม กลยุทธ์ราคาต่ำ ดึงซัปพลายเออร์ร่วมด้วย หวังดันยอดรวมเพิ่มขึ้น หลังครึ่งปีแรกอัดไปแล้ว 2,500 ล้านบาท ผ่านกลยุทธ์สัญลักษณ์โรลแบ็คและซูเปอร์เซฟ
นายกวิน สัณฑกุล กรรมการและประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายของผู้บริโภครวมทั้งพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย หันมาซื้อสินค้าที่มีความจำเป็นและที่มีโปรโมชั่นมากขึ้น เพราะกำลังซื้อลดลง
“ในภาวะเช่นนี้ลูกค้าต้องเผชิญปัญหา งบการจับจ่ายแต่ละบ้านกลายเป็นเรื่องตึงเครียด และครอบครัวต้องพยายามจัดสรรค่าใช้จ่ายประจำบ้านให้ดีที่สุด ซึ่งดัชนีความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีการสำรวจรอบล่าสุดอยู่ที่เพียง 71.5 ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 90 เดือน ซึ่งเป็นตัวเลขจากศูนย์การพญากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าเดือนพฤษภาคม 2552” นายกวินกล่าว
รวมทั้งพฤติกรรมการใช้เวลาในการเดินชอปปิ้งด้วย โดยจะใช้เวลาน้อยลงและรีบจับจ่ายเพื่อเดินทางออกจากห้างหรือศูนย์การค้า เนื่องจากปัญหาเรื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่2009 ที่มีการระบาดอย่างหนักในขณะนี้
ส่วนในแง่ของแผนการตลาดนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นการจับจ่าย ล่าสุดบริษัทฯได้ใช้กลยุทธ์ขายราคาต่ำที่สุดมาใช้อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งงบประมาณไว้ 7,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนเรื่องกลยุทธ์ตั้งราคาสินค้าต่ำ ที่จะนำเอางบประมาณตรงนี้ไปสนับสนุน ซึ่งที่ผ่านมาครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 2,500 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังนี้จะใช้ 5,000 ล้านบาท มากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากว่าเศรษฐกิจไม่ดี และต้องการกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภคด้วย
ทั้งนี้ยังไม่นับรวมงบประมาณอีก 7,000 ล้านบาท ในปีนี้ที่ใช้ในการลงทุนในส่วนของการขยายสาขาใหม่ๆและรีโนเวทสาขาเดิม ซึ่งปัจจุบันเทสโก้โลตัสมีสาขาในไทยมากกว่า 600 สาขาในทุกรูปแบบรวมกัน
โดยกลยุทธ์ราคาที่ทำต่อเนื่องคือ สินค้าที่มีสัญลักษณ์ “โรลแบ็ค” และสินค้าที่มีสัญลักษณ์ “ซูเปอร์เซฟ”
สำหรับสินค้าที่มีป้ายโรลแบ็ค จะเป็นสินค้าที่ราคาถูกลงกว่าเดิมที่มีขายในระยะยาว มีสินค้ามากกว่า 800 รายการ ซึ่งสินค้าที่มีสัญลักษณ์ป้ายนี้จะช่วยประหยัดได้ประมาณ 126.75 บาท ต่อการชอปปิ้งในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นการลดราคาสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นอีก เมื่อเทียบกับโรลแบ็คครั้งก่อนที่ผ่านมาที่ทำถึง 7 ครั้งแล้ว ซึ่งเคยลดราคาสูงสุดที่ 7% แต่ครั้งนี้ลดถึง 7.6%
ส่วนสินค้าที่มีป้ายสัญลักษณ์ “ซูเปอร์เซฟ” เป็นสินค้าที่มีความคุ้มค่า ตัดราคาสินค้ากว่า 1,000 รายการในครั้งเดียว มีโปรโมชั่นทุกวัน ช่วยประหยัดกว่า 20-30% กับสินค้าอาหารสดทุกสัปดาห์ เมื่อซื้อสินค้าครบทุก 400 บาท รับสติ๊กเกอร์ส่วนลด 1 ดวงสะสะครบ 1 ดวง เป็นส่วนลดมูลค่า 30 บาท สะสมครบ 2 ดวงเป็นส่วนลด 90 บาท เฉพาะ 22 สาขาในกรุงเทพฯ ถึง26 ก.ค.ศกนี้ เป็นต้น
ล่าสุดจัดกิจกรรมพิเศษ ต้อนรับการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างทีมชาติไทยกับทีมลิเวอร์พูล วันที่ 22 กรกฎาคม โดยเมื่อซื้อสินค้าหรือบัตรศูนย์อาหาร ชนิดไม่แลกคืนมูลค่า 300 บาท รับสิทธ์ซื้อบัตรชมการแข่งขันมูลค่า 600 บาทในราคา 300 บาทเท่านั้น ระหว่างวันที่ 17-20 ก.ค.นี้ที่ 6 สาขาร่วมรายการ
“เศรษฐกิจที่ผ่านมา สินค้าบางกลุ่มก็ขายดี เช่น อาหาร อิเล็คทรอนิกส์ และเสื้อผ้า จะมีการเติบโตที่ดี ส่วนของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ จะมียอดขายที่ตกลง” นายกวินกล่าว
นายกวิน กล่าวอีกว่า ราคาสินค้าที่ลดลง ทำให้ยอดขายอาจจะลดลงต่อหน่วย แต่ในแง่ยอดรวมจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเราเองก็ต้องเข้าไปรับผิดชอบเองในส่วนต่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งซัปพลายเออร์ที่เราได้เจรจากันแล้ว ทำให้เขาได้ขายของมากขึ้นด้วย ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งปัจจุบันนี้เทสโก้โลตัสจำหน่ายสินค้าที่เป็นซัปพลายเออร์ของคนไทยมากกว่า 98% ส่วนที่เหลือเป็นของต่างประเทศ
นายกวิน สัณฑกุล กรรมการและประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายของผู้บริโภครวมทั้งพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย หันมาซื้อสินค้าที่มีความจำเป็นและที่มีโปรโมชั่นมากขึ้น เพราะกำลังซื้อลดลง
“ในภาวะเช่นนี้ลูกค้าต้องเผชิญปัญหา งบการจับจ่ายแต่ละบ้านกลายเป็นเรื่องตึงเครียด และครอบครัวต้องพยายามจัดสรรค่าใช้จ่ายประจำบ้านให้ดีที่สุด ซึ่งดัชนีความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีการสำรวจรอบล่าสุดอยู่ที่เพียง 71.5 ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 90 เดือน ซึ่งเป็นตัวเลขจากศูนย์การพญากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าเดือนพฤษภาคม 2552” นายกวินกล่าว
รวมทั้งพฤติกรรมการใช้เวลาในการเดินชอปปิ้งด้วย โดยจะใช้เวลาน้อยลงและรีบจับจ่ายเพื่อเดินทางออกจากห้างหรือศูนย์การค้า เนื่องจากปัญหาเรื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่2009 ที่มีการระบาดอย่างหนักในขณะนี้
ส่วนในแง่ของแผนการตลาดนั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นการจับจ่าย ล่าสุดบริษัทฯได้ใช้กลยุทธ์ขายราคาต่ำที่สุดมาใช้อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งงบประมาณไว้ 7,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนเรื่องกลยุทธ์ตั้งราคาสินค้าต่ำ ที่จะนำเอางบประมาณตรงนี้ไปสนับสนุน ซึ่งที่ผ่านมาครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 2,500 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังนี้จะใช้ 5,000 ล้านบาท มากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากว่าเศรษฐกิจไม่ดี และต้องการกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภคด้วย
ทั้งนี้ยังไม่นับรวมงบประมาณอีก 7,000 ล้านบาท ในปีนี้ที่ใช้ในการลงทุนในส่วนของการขยายสาขาใหม่ๆและรีโนเวทสาขาเดิม ซึ่งปัจจุบันเทสโก้โลตัสมีสาขาในไทยมากกว่า 600 สาขาในทุกรูปแบบรวมกัน
โดยกลยุทธ์ราคาที่ทำต่อเนื่องคือ สินค้าที่มีสัญลักษณ์ “โรลแบ็ค” และสินค้าที่มีสัญลักษณ์ “ซูเปอร์เซฟ”
สำหรับสินค้าที่มีป้ายโรลแบ็ค จะเป็นสินค้าที่ราคาถูกลงกว่าเดิมที่มีขายในระยะยาว มีสินค้ามากกว่า 800 รายการ ซึ่งสินค้าที่มีสัญลักษณ์ป้ายนี้จะช่วยประหยัดได้ประมาณ 126.75 บาท ต่อการชอปปิ้งในแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นการลดราคาสินค้าที่หลากหลายมากขึ้นอีก เมื่อเทียบกับโรลแบ็คครั้งก่อนที่ผ่านมาที่ทำถึง 7 ครั้งแล้ว ซึ่งเคยลดราคาสูงสุดที่ 7% แต่ครั้งนี้ลดถึง 7.6%
ส่วนสินค้าที่มีป้ายสัญลักษณ์ “ซูเปอร์เซฟ” เป็นสินค้าที่มีความคุ้มค่า ตัดราคาสินค้ากว่า 1,000 รายการในครั้งเดียว มีโปรโมชั่นทุกวัน ช่วยประหยัดกว่า 20-30% กับสินค้าอาหารสดทุกสัปดาห์ เมื่อซื้อสินค้าครบทุก 400 บาท รับสติ๊กเกอร์ส่วนลด 1 ดวงสะสะครบ 1 ดวง เป็นส่วนลดมูลค่า 30 บาท สะสมครบ 2 ดวงเป็นส่วนลด 90 บาท เฉพาะ 22 สาขาในกรุงเทพฯ ถึง26 ก.ค.ศกนี้ เป็นต้น
ล่าสุดจัดกิจกรรมพิเศษ ต้อนรับการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่างทีมชาติไทยกับทีมลิเวอร์พูล วันที่ 22 กรกฎาคม โดยเมื่อซื้อสินค้าหรือบัตรศูนย์อาหาร ชนิดไม่แลกคืนมูลค่า 300 บาท รับสิทธ์ซื้อบัตรชมการแข่งขันมูลค่า 600 บาทในราคา 300 บาทเท่านั้น ระหว่างวันที่ 17-20 ก.ค.นี้ที่ 6 สาขาร่วมรายการ
“เศรษฐกิจที่ผ่านมา สินค้าบางกลุ่มก็ขายดี เช่น อาหาร อิเล็คทรอนิกส์ และเสื้อผ้า จะมีการเติบโตที่ดี ส่วนของตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ จะมียอดขายที่ตกลง” นายกวินกล่าว
นายกวิน กล่าวอีกว่า ราคาสินค้าที่ลดลง ทำให้ยอดขายอาจจะลดลงต่อหน่วย แต่ในแง่ยอดรวมจะเพิ่มขึ้น ซึ่งเราเองก็ต้องเข้าไปรับผิดชอบเองในส่วนต่างที่เกิดขึ้น รวมทั้งซัปพลายเออร์ที่เราได้เจรจากันแล้ว ทำให้เขาได้ขายของมากขึ้นด้วย ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งปัจจุบันนี้เทสโก้โลตัสจำหน่ายสินค้าที่เป็นซัปพลายเออร์ของคนไทยมากกว่า 98% ส่วนที่เหลือเป็นของต่างประเทศ