“อิเซตัน” ชูจุดเด่นห้างญี่ปุ่นดึงกลุ่มลูกค้าคนไทยเพิ่ม รับศึกศูนย์การค้าย่านราชประสงค์แข่งดุ ชี้ 10 เดือนที่ผ่านมายอดขายยังโตมากกว่า 10% ล่าสุดจับมือ “อัลเบโด้” รุกกลุ่มเครื่องหนังพรีเมี่ยม มองปีหน้าหวั่นการเมืองเศรษฐกิจ ข่มขวัญกำลังซื้อหดอีกระลอก
นายเคน โคบายาชิ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารงานบริการและการจัดซื้อ บริษัท อิเซตัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายภายในห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ายังมีการเติบโตที่ดีอยู่ มากกว่า 10% ตามที่วางไว้ ถึงแม้ว่าตั้งแต่ช่วงเดือนก.ย.จนถึงปัจจุบัน จะพบว่ายอดขายตกลงเล็กน้อย แต่เนื่องจากครึ่งปีแรก บริษัทฯสร้างยอดขายได้ดี จึงทำให้ภาพรวมรายได้ในปีนี้ ยังดีอยู่ ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้ว ถือว่ามียอดขายใกล้เคียงกัน โดยในปีก่อนบริษัทฯมีรายได้รวมเติบโตกว่า 20%
“สาเหตุที่ทำให้ยอดขายครึ่งปีหลังลดลงนั้น มาจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่งผลต่ออารมณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าหลักของอิเซตันกว่า 80% ที่เป็นลูกค้าโลคอลคนไทย ส่วนอีก 20% จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว”
ดังนั้นเพื่อเป็นการดึงกำลังซื้อกลับมา ทางบริษัทฯจะมุ่งเน้นสร้างความแตกต่าง ในคอนเซ็ปต์ห้างสรรพสินค้าหรู
ล่าสุดได้ร่วมกับทาง อัลเบโด้ แบรนด์เครื่องหนังพรีเมี่ยม จากประเทศไทย เปิดตัว Albedo ONE The Luxury to Order ด้วย รวมไปถึงการชูสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมาจำหน่ายให้มากขึ้น รวมถึงการบริการ และการจัดแต่งดิสเพลย์ต่างๆจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับอิเซตัน ที่ประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาจับจ่ายที่อิเซตันเพิ่มขึ้น
โดยปัจจุบันสามารถทำยอดขายจากการจำหน่ายสินค้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่นได้ถึง 10% และอีก 90% เป็นสินค้าโลคอล ซึ่งกลุ่มสินค้าและบริการที่ลูกค้าให้การตอบรับมากที่สุด คือ 1.กลุ่มอาหาร โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 30% เทียบกับปีที่ผ่านมา ตามมาด้วย สินค้ากลุ่มเสื้อผ้าสตรี ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ 30% ใกล้เคียงกับ ทั้งนี้บริษัทฯจะพยายามเพิ่มการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียง มีห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดการแข่งขันค่อนข้างสูง ทางอิเซตัน จึงได้ทำแผนปรับพื้นที่ภายในห้างฯมาโดยตลอด ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา อิเซตันได้มีการรีโนเวตพื้นที่เรื่อยมา เป็นสเต็ปบายสเต็ปไป คาดว่าภายในปี 2553 จะปรับปรุงได้สมบูรณ์
สำหรับแผนการรีโนเวทครั้งนี้ เริ่มจากปี 2549 ได้เริ่มการรีโนเวตสเต็ปแรกที่ชั้น กราวด์ฟอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ขายของกลุ่มเครื่องสำอาง และที่ชั้น5 ส่วนสเต็ปที่2 ในปี 2550 กับชั้นเลดี้แวร์ และล่าสุดกับสเต็ปที่ 3 ในปีนี้ที่มีการรีโนเวทในชั้น เมนแวร์ คาดว่าในเดือนเม.ย. 2552 จะเรียบร้อย หรือภายในปี 2553 จะมีการรีโนเวทพื้นที่ภายในห้างฯได้ทั้งหมด
นายเคน กล่าวต่อว่า ภาพการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกในปีหน้า มองว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะกลุ่มธุรกิจนี้ยังมีการเติบโตได้เรื่อยๆ หรือมีทิศทางการเติบโตไปตามสภาพเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพการเมืองและเศรษฐกิจเป็นสำคัญ เพราะถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และอารมณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งอิเซตันเองคาดว่าน่าจะยังมีผลประกอบการเติบโตขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก หรืออย่างน้อยที่สุดต้องไม่ต่ำกว่า 5%
นายเคน โคบายาชิ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารงานบริการและการจัดซื้อ บริษัท อิเซตัน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายภายในห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ตั้งแต่ต้นปี จนถึงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ายังมีการเติบโตที่ดีอยู่ มากกว่า 10% ตามที่วางไว้ ถึงแม้ว่าตั้งแต่ช่วงเดือนก.ย.จนถึงปัจจุบัน จะพบว่ายอดขายตกลงเล็กน้อย แต่เนื่องจากครึ่งปีแรก บริษัทฯสร้างยอดขายได้ดี จึงทำให้ภาพรวมรายได้ในปีนี้ ยังดีอยู่ ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้ว ถือว่ามียอดขายใกล้เคียงกัน โดยในปีก่อนบริษัทฯมีรายได้รวมเติบโตกว่า 20%
“สาเหตุที่ทำให้ยอดขายครึ่งปีหลังลดลงนั้น มาจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจเป็นหลัก ส่งผลต่ออารมณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าหลักของอิเซตันกว่า 80% ที่เป็นลูกค้าโลคอลคนไทย ส่วนอีก 20% จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยว”
ดังนั้นเพื่อเป็นการดึงกำลังซื้อกลับมา ทางบริษัทฯจะมุ่งเน้นสร้างความแตกต่าง ในคอนเซ็ปต์ห้างสรรพสินค้าหรู
ล่าสุดได้ร่วมกับทาง อัลเบโด้ แบรนด์เครื่องหนังพรีเมี่ยม จากประเทศไทย เปิดตัว Albedo ONE The Luxury to Order ด้วย รวมไปถึงการชูสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นมาจำหน่ายให้มากขึ้น รวมถึงการบริการ และการจัดแต่งดิสเพลย์ต่างๆจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับอิเซตัน ที่ประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าจะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาจับจ่ายที่อิเซตันเพิ่มขึ้น
โดยปัจจุบันสามารถทำยอดขายจากการจำหน่ายสินค้าที่นำเข้าจากญี่ปุ่นได้ถึง 10% และอีก 90% เป็นสินค้าโลคอล ซึ่งกลุ่มสินค้าและบริการที่ลูกค้าให้การตอบรับมากที่สุด คือ 1.กลุ่มอาหาร โดยมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 30% เทียบกับปีที่ผ่านมา ตามมาด้วย สินค้ากลุ่มเสื้อผ้าสตรี ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ 30% ใกล้เคียงกับ ทั้งนี้บริษัทฯจะพยายามเพิ่มการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามจาก 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่าย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียง มีห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นหลายแห่ง ส่งผลให้เกิดการแข่งขันค่อนข้างสูง ทางอิเซตัน จึงได้ทำแผนปรับพื้นที่ภายในห้างฯมาโดยตลอด ซึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา อิเซตันได้มีการรีโนเวตพื้นที่เรื่อยมา เป็นสเต็ปบายสเต็ปไป คาดว่าภายในปี 2553 จะปรับปรุงได้สมบูรณ์
สำหรับแผนการรีโนเวทครั้งนี้ เริ่มจากปี 2549 ได้เริ่มการรีโนเวตสเต็ปแรกที่ชั้น กราวด์ฟอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ขายของกลุ่มเครื่องสำอาง และที่ชั้น5 ส่วนสเต็ปที่2 ในปี 2550 กับชั้นเลดี้แวร์ และล่าสุดกับสเต็ปที่ 3 ในปีนี้ที่มีการรีโนเวทในชั้น เมนแวร์ คาดว่าในเดือนเม.ย. 2552 จะเรียบร้อย หรือภายในปี 2553 จะมีการรีโนเวทพื้นที่ภายในห้างฯได้ทั้งหมด
นายเคน กล่าวต่อว่า ภาพการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีกในปีหน้า มองว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะกลุ่มธุรกิจนี้ยังมีการเติบโตได้เรื่อยๆ หรือมีทิศทางการเติบโตไปตามสภาพเศรษฐกิจ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพการเมืองและเศรษฐกิจเป็นสำคัญ เพราะถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และอารมณ์การใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งอิเซตันเองคาดว่าน่าจะยังมีผลประกอบการเติบโตขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก หรืออย่างน้อยที่สุดต้องไม่ต่ำกว่า 5%
