ชื่อ “เนเจอร์กิฟ” เป็นที่รู้จักกันมานานกว่า 7 ปีแล้ว จากผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับกันอย่างกว้างขวาง และนับตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกับ “กาแฟเพื่อสุขภาพ” จนถึงวันนี้ที่ทุกคนรู้จักชื่อนี้กันเป็นอย่างดี
เส้นทางจากจุดเริ่มต้นเป็นมาอย่างไร กว่าจะมาถึงในวันนี้ “ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์” ผู้ริเริ่มแนวคิดกาแฟสุขภาพจะมาไขข้อข้องใจ
-อยากให้เล่าถึงความเป็นมาของแบรนด์ ‘เนเจอร์กิฟ’ ว่าเริ่มมาจากแนวคิดอะไร
จุดเริ่มต้นก็คือผมเป็นโรคภูมิแพ้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จึงเริ่มศึกษาปัญหาสุขภาพของผู้คนในสังคม ในที่สุดก็รู้ว่า ปัญหาสุขภาพของผู้คนในปัจจุบันเกิดจากการกินอาหารที่ไม่มีคุณภาพนั่นเอง เพราะวิถีชีวิตที่เร่งรีบ ตลอดจนกระบวนการผลิตอาหารที่ทำลาย วิตามิน เกลือแร่ และการเกษตรกรรมที่ให้ผลผลิตด้อยคุณภาพ เมื่อผู้คนกินแต่อาหารที่ไม่มีคุณภาพติดต่อกันนานวันเข้า ร่างกายก็อ่อนแอลง อวัยวะบางอย่างก็ทำงานผิดปกติไป ทำให้เกิดเป็นโรคเรื้อรัง หลายอย่าง เช่น โรคอ้วน หัวใจ จนไปถึงมะเร็งบางชนิดเป็นต้น
ผมจึงตั้งมโนปณิธานขึ้นว่า “เราต้องช่วยผู้คนนับล้านคน ให้พ้นจากความทุกข์กาย ทุกข์ใจ”
จนมาปี 2544 ครอบครัวของผมจึงได้รวมตัวกันจัดตั้งบริษัทขึ้นมา ชื่อ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดีเค เฮ็ลธ โปรดัคท์” และได้เริ่มต้นผลิตอาหารเสริมบรรจุ แคปซูล ออกจำหน่าย ภายใต้ชื่อว่า “เนเจอร์กิฟ”
ปลายปี 2546 ผมก็ได้ทดลองชงกาแฟให้เพื่อนๆ ชิมหลายคนบอกว่าอร่อยมากน่าทำขาย และเพื่อให้เป็นกาแฟเพื่อสุขภาพ ได้เติมวิตามิน เกลือแร่ ลงไปในกาแฟ 3 in 1 นั้น และนำออกจำหน่าย ในเดือน มกราคม 2547 เป็นกาแฟเพื่อสุขภาพ NatureGift Coffee Plus ที่สามารถลดความอ้วนได้ เป็นยี่ห้อแรก
-ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การแข่งขันในตลาดกาแฟลดความอ้วนนี้เป็นอย่างไร แล้วเรารับมืออย่างไรกับการแข่งขันนี้
การแข่งขัน ช่วงเริ่มต้นในปี 2547 ก็ขายไปเรื่อยๆ ไม่ได้คิดว่าจะขายได้มากมายอะไร การโฆษณาก็มีน้อย คู่แข่งก็ไม่มี ปี 2548 เริ่มโฆษณาในนิตยสารต่างๆ ยอดขายก็เพิ่มขึ้นมาก คู่แข่งก็เริ่มเกิดในปี 2549 แต่เราก็ไม่ได้กังวลอะไร เรายังคงขยายแนวการโฆษณาอย่างต่อเนื่อง เราเริ่มลงโฆษณาใน TV ปลายปี 2550 และทำอย่างต่อเนื่อง ในปริมาณที่มากขึ้นทิ้งห่างคู่แข่งออกไปเรื่อยๆ
-อะไรคือจุดแข็งของผลิตภัณฑ์เนเจอร์กิฟที่ทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นที่ 1 ในตลาดกาแฟลดความอ้วน
เราเป็นคนแรก และยี่ห้อแรก ที่ผลิตและจำหน่าย กาแฟลดความอ้วน เมื่อไม่มีคู่แข่ง เราจึงเป็นที่หนึ่งตลอดมา
-บทเรียนสำคัญที่ผ่านมาในการดำเนินธุรกิจนี้มีอะไรบ้าง
แม้ปัจจุบันจะมีคู่แข่งเกิดขึ้น หลายสิบยี่ห้อ แต่เราก็ยังครองตลาดเป็นอันดับ 1 ก็เพราะเรามีนวัตกรรมที่ไม่มีใครเหมือน เป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง เห็นผล ลดจริง เป็นแสนๆ คน
-สิ่งที่ทำให้เนเจอร์กิฟก้าวขึ้นมาเป็นที่ 1 ในตลาดกาแฟลดความอ้วนคืออะไร
เนื่องจากเรามีปณิธานที่จะช่วยคนนับล้านคนให้พ้นจากความทุกข์กาย ทุกข์ใจ จากความอ้วน เรามองไปที่เป้าหมายนั้นอย่างเดียว ดังนั้น เราจึงต้องทำสินค้าให้มีคุณภาพสูงสุด ในราคาที่ผู้คนส่วนใหญ่มีกำลังหาซื้อได้ เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น
-เนเจอร์กิฟมีการทำกิจกรรมทางการตลาดและเพื่อสังคมอย่างไร อยากให้ลองยกตัวอย่างมาว่ามีอะไรบ้างและทำไมถึงอยากทำกิจกรรมเหล่านี้
เนเจอร์กิฟได้ทำกิจกรรมหลายอย่างเพื่อสังคม เช่น แจกทุนการศึกษา การบริจาคที่ดิน เพื่อฟื้นฟูศีลธรรม แก่ชาวโลก
เนื่องจากเด็กและเยาวชนคืออนาคตของชาติ เนเจอร์กิฟจึงต้องการช่วยให้เด็กได้มีโอกาสพัฒนาตนเอง ทั้งทางด้านวิชาการ และทางด้านศีลธรรม ในปี 2551 เนเจอร์กิฟได้แจกทุนให้แก่เยาวชนไป 82 ทุนๆ ละ 12,500 บาท รวมเป็นเงิน 1,025,000 บาท
ในปี 2552 เนเจอร์กิฟ แจกทุนเพิ่มเป็น 100 ทุนๆ ละ12,500 บาท รวมเป็นเงิน 1,250,000 บาท
เมื่อเด็กมารับทุน ก็จะมีการสอน ให้เป็นคนดี เป็นคนมีศีลธรรม และแนะวิธีการทำสมาธิ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่เด็กในอนาคต
ยิ่งกว่านั้น ก็ยังได้บริจาคที่ดินจำนวน 555 ไร่ ในจังหวัดลพบุรี ที่ได้สร้างและพัฒนาขึ้นมา จนร่มรื่นสวยงาม ให้เป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา เพื่อใช้ประชุมสงฆ์ ซึ่งธรรมศาลาที่สร้างขึ้น สามารถจัดประชุมสงฆ์ได้ถึง 5,000 รูป อีกทั้งได้จัดงานตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 10,000 รูป กลางทุ่งทานตะวัน หน้าศูนย์อบรมเยาวชน – ลพบุรี 4 แยกวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ในเดือน พฤศจิกายน – ธันวาคม ทุกปี เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาทำบุญตักบาตร กลับไปสู่ยุคปู่ย่า ตายาย ที่ผู้คนส่วนใหญ่มีความสุขกาย สุขใจ
ที่ดิน 555 ไร่ นี้ได้จัดสร้างเป็นศูนย์อบรมเยาวชน – ลพบุรี จะมีเด็กนักเรียนเข้ามาอบรมศีลธรรม และฝึกทำสมาธิเป็นประจำ โดยแต่ละเดือน ดร.กฤษฎา จะเป็นผู้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่ายาม และเงินเดือนผู้จัดการศูนย์ให้
สิ่งที่เนเจอร์กิฟจะทำต่อไปอย่างต่อเนื่องคืออะไร
มุ่งสู่เป้าหมาย “ช่วยคนนับล้านคน ให้พ้นจากความทุกข์กาย ทุกข์ใจ”
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.naturegift.co.th
(ข่าวประชาสัมพันธ์)