ศูนย์ข่าวศรีราชา -นักลงทุน เนรมิตพื้นที่ 60 ไร่ริมถนนสุขุมวิท สุดเขตเมืองพัทยา เป็นตลาดน้ำ 4 ภาค (พัทยา) เพื่อเป็นจุดายใหม่ทางการท่องเที่ยว ที่จะรวบรวมกิจกรรมและวัฒนธรรมในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศให้นักท่องเที่ยวได้ชมผ่านการเที่ยวชมบนสายน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใต้งบลงทุนกว่า 350 ล้าน พร้อมประสานผู้ประกอบการที่พักในพื้นที่ใกล้เคียงร่วมจัดแพกเกจท่องเที่ยวตามแบบวิถีไทย มั่นใจแม้ลงทุนสวนกระแสเศรษฐกิจแต่ก็จะมียอดนักท่องเที่ยวเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
นางวะริดา แซ่อึ้ง กรรมการผู้บริหารโครงการตลาดน้ำ 4 ภาค (พัทยา) จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ตนได้ตัดสินใจลงทุน กว่า 350 ล้านบาททำโครงการตลาดน้ำ 4 ภาค โดยหวังจะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของเมืองพัทยา โดยเป็นแหล่งท่องเที่ยวแรกของประเทศ ที่ชูจุดขายวิถีชีวิตความเป็นไทยบนผืนน้ำที่ใหญ่ที่สุด และเป็นหนึ่งเดียวในโลก ที่สำคัญยังเป็นการลงทุนที่สวนกระแสเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ทั้งนี้ การลงทุนดังกล่าว ตนได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของเมืองพัทยา ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี ทั้งในแง่เมืองแห่งความสนุกสนานและยังมีสถานบันเทิงเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การเสนอแนวคิดโครงการที่แปลกและแตกต่างจากผู้ประกอบการอื่นด้วยการดึงวัฒนธรรมไทยเป็นจุดขายหลักจึงนับเป็นเรื่องใหม่ของจังหวัดชลบุรี
โครงการนี้จะสอดแทรกแนวคิดที่หวังให้ประชาชนได้มีความรักในความเป็นไทย การแสดงออกทางกิจกรรมแบบไทยๆ และภายในโครงการจะแบ่งเป็นจุดชมกิจกรรมย่อย เช่น ทุ่งทานตะวัน พิพิธภัณฑ์ไม้แกะสลัก ศูนย์รวมสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านไทย-อาหารดี 4 ภาครวมทั้งสิ้น 111 ร้านค้า เวทีแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยพื้นบ้าน แปลงนาเกษตรสาธิตและสมุนไพร โดยมีบริการเรือพายเที่ยวชมกิจกรรมและวิถีไทย 4 ภาค นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้ที่ผู้ใช้บริการสามารถรู้จักความเป็นไทยผ่านเสน่ห์ของสายน้ำพร้อมทั้งการพักผ่อนไปในตัว
โครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนบึงน้ำจืด ใกล้สุดเขตเมืองพัทยาฝั่งขาเข้าอำเภอสัตหีบ บนเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยบนผืนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเป็นหนึ่งเดียวของโลก ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00 น.ถึงเที่ยงคืนของทุกวันและในช่วงเย็นจะเปิดบริการในรูปแบบไนท์พลาซ่า หรือตลาดกลางคืนที่จะมีความน่าสนใจไม่แพ้กัน
“ การก่อสร้างเราเริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2550 โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี และขณะนี้คืบหน้าไปแล้วกว่า 95 % เหลือเพียงการตกแต่งภายในเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
นางวะริดา กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาทางโครงการตลาดน้ำ 4 ภาค ได้รับการสนับสนุนจากเมืองพัทยา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและกระทรวงวัฒนธรรม ในการให้ความช่วยเหลือด้านการประชาสัมพันธ์จนติด 1 ใน 30 ของโครงการอันซีนไทยแลนด์ และขณะนี้ยังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างมาก ขณะที่กระแสตอบรับจากเอเยนต์และบริษัททัวร์ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีทีท่าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ คือกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย โดยหวังจะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เพื่อสร้างความสนใจในวิถีไทยให้มากขึ้น หลังจากที่ปัจจุบันกระแสวัฒนธรรมไทยดูเหมือนจะเลือนรางลง เหตุเพราะคนไทยไม่ให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตแบบเดิม โดยในช่วงแรกตั้งเป้าหมายกลุ่มลูกค้าชาวไทยไว้ที่ 70 % ที่เหลือ 30% คือชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ ยังได้ประสานงานกับโรงแรมและที่พักต่างๆ ในเขตเมืองพัทยาและใกล้เคียง เพื่อร่วมจัดแพกเกจท่องเที่ยว รวมถึงการสอนทำอาหารไทยให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมบางแห่ง เพื่อพัฒนาคุณค่าอาหารไทยให้เลื่องลือต่อไป
“ปัจจุบันมีกรุ๊ปทัวร์เข้าเยี่ยมชมโครงการเป็นจำนวนมาก และในส่วนของร้านค้าภายในขณะนี้มียอดจองแล้วกว่าร้อยละ 90 ซึ่งเชื่อแน่ว่าในเวลาอีกไม่นานคงเต็มพื้นที่ สำหรับจุดประสงค์สำคัญของการก่อสร้างโครงการตลาดน้ำ 4 ภาค (พัทยา) นอกจากจะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่ให้ความรู้ด้านความเป็นไทยแห่งหนึ่งในพัทยาเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้รู้จักเมืองพัทยา นอกเหนือจากสถานบันเทิงแล้ว ยังเป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเม็ดเงินทางการท่องเที่ยวให้แก่ประเทศไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย” นางวะริดา กล่าว
