พิษไข้หวัด 2009 ระบาดหนักกระทบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พาต้าหั่นเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยปีนี้ติดลบ 10.3% ขณะที่ตัวเลขไตรมาสแรกที่ผ่านมาติดลบแล้ว 13.9% แย้มปีหน้าตัวเลขนักท่องเที่ยวเติบโต 8.8% ลดลงจากเป้าเดิมที่ตั้งว่าจะโต 14.9% ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ปัจจัยลบที่เกิดขึ้นในโลก “พรศิริ” ประเดิมงานหลังนั่งตำแหน่งประธานบอร์ดพาต้า เตรียมผนึกสมาชิกพาต้าโปรโมตท่องเที่ยวสุขภาพ ศาสนา และชอปปิ้งร่วมกัน พร้อมออกโปรแกรมฟื้นฟูหลังไข้หวัดหยุดระบาด
นางพรศิริ มโนหาญ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (พาต้า) เปิดเผยว่า สถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศปัจจุบันเกือบทุกประเทศทั่วโลกเป็นตัวเลขที่ติดลบ หรือมีการเดินทางที่ลดลง ซึ่งมีสาเหตุจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ปัญหาเศรษฐกิจ และสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ทุกประเทศเริ่มเอาตัวรอดด้วยการรณรงค์ให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และหากนักท่องเที่ยวจะเดินทางไปต่างประเทศ ก็เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งประเทศไทยถือว่าโชคดี ที่มีภูมิประเทศตั้งอยู่ในโลเกชันของตลาดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เช่น อินเดีย จีน และ ตะวันออกกลาง
ขณะเดียวกัน ในภาพรวม พาต้า คาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงรักษาระดับปานกลาง แต่การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (H1N1) ได้ส่งผลคุกคามรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ล่าสุด จากข้อมูลการสำรวจของพาต้า ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.52) ลดลง 13.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า การระบาดของโรดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะยุติลงเมื่อใด แต่พาต้าซึ่งเป็นองค์กรส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ได้หารือเพื่อเตรียมพร้อมที่จะโปรโมตการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ทันทีที่โรคดังกล่าวหยุดการระบาดแล้ว ซึ่งเป็นปกติทุกครั้งที่มีสถานการณ์รุนแรงที่กระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พาต้าก็จะรีบดำเนินการทันที เช่น การระบาดของโรคซาร์ส เมื่อสิ้นสุด พาต้าก็ออกแคมเปญ โปรเจกต์ ฟินิท หรือ หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ พาต้าก็ออกโครงการ สึนามิ ดิสคัฟเวอรี่ โปรแกรม เป็นต้น
นางพรศิริ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้พาต้าอยู่ระหว่างการคิดแคมเปญที่จะโปรโมตท่องเที่ยวร่วมกัน โดยนำจุดแข็งของประเทศในกลุ่มภูมิภาคนี้ออกมานำเสนอเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น เดสติเนชันแห่งการชอปปิ้ง และ เมดิคัล แอนด์ เวลเนส ซึ่งเป็นจุดขายที่กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะการฝึกจิต ทำสมาชิก การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ด้วยการนั่งสมาธิ สปา และโภชนาการ รวมถึงเส้นทางท่องเที่ยวเชิงศาสนาด้วย
ทางด้าน นายจอห์น โคลโดว์สกี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย และข้อมูล สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (พาต้า) กล่าวว่า ได้ทำการประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ในเอเชียแปซิฟิก หลังสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รุนแรงจนกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ว่า จากสถานการณ์นี้จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยลดลง 10.3% จากที่คาดว่าจะเติบโต 8.8% ส่วนปี 2553 หรือปีหน้า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวจะเพิ่มจากปีนี้ 8.8% ซึ่งเป็นการเติบโตลดลงจากที่เคยคาดไว้ว่าจะเติบโตมากถึง 14.9%
สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลง 4.2% จากที่คาดการณ์ว่า จะเติบโตเพิ่มขึ้น 6.8% ส่วนปีหน้า คาดว่า จะเติบโตจากปีนี้ 6.8% เป็นการเติบโตที่ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิมว่าจะเติบโตที่ 12.7%
อย่างไรก็ตาม การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ครั้งนี้ ทุกประเทศต้องระดมความคิดและกลยุทธ์เพื่อต่อสู้วิกฤตในครั้งนี้อย่างถึงที่สุด โดยใช้บทเรียนจากการระบาดของโรคซาร์ส และ สึนามิ มาปรับใช้ ซึ่งยอมรับว่า ผลกระทบที่เห็นชัดในขณะนี้ คือ นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวขาดความเชื่อถือที่จะเดินทางเข้ามา ดังนั้นทุกประเทศต้องเร่งออกมาตรการการควบคุมและคุ้มครอง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน
นางพรศิริ มโนหาญ ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (พาต้า) เปิดเผยว่า สถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างประเทศปัจจุบันเกือบทุกประเทศทั่วโลกเป็นตัวเลขที่ติดลบ หรือมีการเดินทางที่ลดลง ซึ่งมีสาเหตุจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ปัญหาเศรษฐกิจ และสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ทุกประเทศเริ่มเอาตัวรอดด้วยการรณรงค์ให้เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และหากนักท่องเที่ยวจะเดินทางไปต่างประเทศ ก็เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งประเทศไทยถือว่าโชคดี ที่มีภูมิประเทศตั้งอยู่ในโลเกชันของตลาดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เช่น อินเดีย จีน และ ตะวันออกกลาง
ขณะเดียวกัน ในภาพรวม พาต้า คาดการณ์ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงรักษาระดับปานกลาง แต่การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 (H1N1) ได้ส่งผลคุกคามรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ล่าสุด จากข้อมูลการสำรวจของพาต้า ระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.52) ลดลง 13.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า การระบาดของโรดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะยุติลงเมื่อใด แต่พาต้าซึ่งเป็นองค์กรส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ได้หารือเพื่อเตรียมพร้อมที่จะโปรโมตการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ทันทีที่โรคดังกล่าวหยุดการระบาดแล้ว ซึ่งเป็นปกติทุกครั้งที่มีสถานการณ์รุนแรงที่กระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พาต้าก็จะรีบดำเนินการทันที เช่น การระบาดของโรคซาร์ส เมื่อสิ้นสุด พาต้าก็ออกแคมเปญ โปรเจกต์ ฟินิท หรือ หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ พาต้าก็ออกโครงการ สึนามิ ดิสคัฟเวอรี่ โปรแกรม เป็นต้น
นางพรศิริ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้พาต้าอยู่ระหว่างการคิดแคมเปญที่จะโปรโมตท่องเที่ยวร่วมกัน โดยนำจุดแข็งของประเทศในกลุ่มภูมิภาคนี้ออกมานำเสนอเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เช่น เดสติเนชันแห่งการชอปปิ้ง และ เมดิคัล แอนด์ เวลเนส ซึ่งเป็นจุดขายที่กำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะการฝึกจิต ทำสมาชิก การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ ด้วยการนั่งสมาธิ สปา และโภชนาการ รวมถึงเส้นทางท่องเที่ยวเชิงศาสนาด้วย
ทางด้าน นายจอห์น โคลโดว์สกี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย และข้อมูล สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (พาต้า) กล่าวว่า ได้ทำการประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ในเอเชียแปซิฟิก หลังสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รุนแรงจนกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ว่า จากสถานการณ์นี้จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาประเทศไทยลดลง 10.3% จากที่คาดว่าจะเติบโต 8.8% ส่วนปี 2553 หรือปีหน้า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวจะเพิ่มจากปีนี้ 8.8% ซึ่งเป็นการเติบโตลดลงจากที่เคยคาดไว้ว่าจะเติบโตมากถึง 14.9%
สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลง 4.2% จากที่คาดการณ์ว่า จะเติบโตเพิ่มขึ้น 6.8% ส่วนปีหน้า คาดว่า จะเติบโตจากปีนี้ 6.8% เป็นการเติบโตที่ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิมว่าจะเติบโตที่ 12.7%
อย่างไรก็ตาม การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ครั้งนี้ ทุกประเทศต้องระดมความคิดและกลยุทธ์เพื่อต่อสู้วิกฤตในครั้งนี้อย่างถึงที่สุด โดยใช้บทเรียนจากการระบาดของโรคซาร์ส และ สึนามิ มาปรับใช้ ซึ่งยอมรับว่า ผลกระทบที่เห็นชัดในขณะนี้ คือ นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวขาดความเชื่อถือที่จะเดินทางเข้ามา ดังนั้นทุกประเทศต้องเร่งออกมาตรการการควบคุมและคุ้มครอง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืน