xs
xsm
sm
md
lg

ใบโพธิ์แจงทิศทาง ศก.ไทย คาดปลายปี 53 โตได้เหมือนเดิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ธ.ไทยพาณิชย์ คาดการณ์ ศก.ไทย ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว แต่ยังซมพิษไข้ ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นอีกประมาณ 3-4 ไตรมาส และกลับมาเติบโตได้เหมือนเดิม ปลายปี 2553

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เผยรายงานคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2552 โดยระบุว่า วิกฤตเศรษฐกิจไทยน่าจะพ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 2 ปี 2552 แต่การฟื้นตัวจะไม่เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะการที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดภาวะขาลง อย่างเร็วที่สุดน่าจะเป็นไปได้ คือ ไตรมาส 4 ปี 2553

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจฯ ธ.ไทยพาณิชย์ ยังได้ปรับฐานตัวเลขจีดีพีที่แท้จริงเป็นดัชนี โดยให้ค่าฐาน (100) อยู่ที่ระดับจีดีพีสูงสุดก่อนขาลงในปัจจุบัน คือ จีดีพีไตรมาส 4 ปี 2550 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เศรษฐกิจไทยมีลักษณะเคลื่อนไหวตามฤดูกาล โดยจีดีพีมีแนวโน้มจะตกลงมากจากช่วงไตรมาสแรกไปไตรมาส 2 จากนั้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 3 และเพิ่มขึ้นสูงมากในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นภาพสะท้อนทั้งภาคเกษตร การผลิตและบริการโดยเฉพาะการท่องเที่ยว โดยเศรษฐกิจขาลงเริ่มเกิดขึ้นอย่างแท้จริงในช่วงไตรมาส 4 ปี 2551 เนื่องจากจีดีพีทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 แทนที่จะฟื้นกลับขึ้นอย่างแข็งแกร่งตามรูปแบบที่เคยเป็น

นอกจากนี้ ยังพบว่า ระดับดัชนีของไตรมาส 2 ปี 2552 อยู่ที่ 91 หมายความว่า จีดีพีที่แท้จริงไตรมาส 2 ปี 2552 ต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ ในไตรมาส 4 ปี 2550 ร้อยละ 9 จึงเห็นว่าเศรษฐกิจอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส ที่ 2 พร้อมคาดว่า ยอดส่งออกของไทยจะดีขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2552 เนื่องจากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมายอดส่งออกสอดคล้องกับการผลิตภาคอุตสาหกรรมขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ที่มีตัวชี้วัดที่ดีขึ้นติดต่อกัน

สำหรับภาคอุตสาหกรรมที่น่าจะฟื้นตัวก่อน คือ เครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งวัตถุดิบพื้นฐาน โดยได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของจีน เนื่องจากจีนมียอดนำเข้าจากไทยสูงกว่าการนำเข้าจากภูมิภาคอื่นๆ โดยคิดเป็นร้อยละ 80 ของระดับก่อนเศรษฐกิจขาลง

ขณะเดียวกัน ผลพวงจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังยังเป็นแรงเสริมในการกระตุ้นภาคอุตสาหกรรมให้ฟื้นตัว โดยเฉพาะอุตสาหกรรมวัตถุดิบพื้นฐาน เช่น เหล็กและเหล็กกล้า รวมทั้งซีเมนต์ แต่แรงเสริมอาจใช้เวลานานกว่าที่คิด เพราะมีระยะเวลาดำเนินการและเบิกจ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม การคาดหวังให้จีดีพีกลับขึ้นมายังระดับปี 2550 อีกครั้ง ไม่น่าเป็นไปได้เร็ว เพราะอย่างเร็วที่สุดที่ไทยจะสามารถพ้นจากภาวะเศรษฐกิจหดตัวได้อาจเป็นภายในไตรมาส 4 ปีนี้ แต่ไทยยังต้องการอัตราการเติบโตของจีพีดีปี 2553 ประมาณร้อยละ 4 เพื่อทำให้ภาพรวมกลับไปเท่ากับระดับสูงสุดในปี 2550 ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ยาก หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกล่าช้า

ส่วนภาคการท่องเที่ยวนั้น เป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ช้ากว่า และเป็นความเสี่ยงสำหรับเศรษฐกิจไทย เพราะมีความเชื่อมโยงกับภาพเศรษฐกิจโดยรวม และมีการจ้างงานสูง โดยคาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าและรายได้จากการท่องเที่ยวจะตกลงมากถึงร้อยละ 15 และร้อยละ 20 ตามลำดับในปี 2552

ขณะที่คาดว่า ในปี 2553 จะมีการเติบโตร้อยละ 6 และร้อยละ 12 ตามลำดับ ซึ่งไม่มากพอทำให้ไทยกลับไปสู่ระดับก่อนขาลง เนื่องจากตลาดท่องเที่ยวหลักของไทยโดยเฉพาะยุโรป ซึ่งใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเป็น 2 เท่าของนักท่องเที่ยวในเอเชียนั้น มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจช้า

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมที่รองรับแรงงานรายได้น้อยจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ฟื้นตัวได้ช้า เพราะส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว และการส่งออกที่ชะลอตัว จึงได้รับผลกระทบจากค่าจ้างที่ลดลง สะท้อนให้เห็นจากยอดขายรถจักรยานยนต์และรถกระบะที่ลดลงร้อยละ 40-50

นอกจากนี้ ที่พักอาศัยในตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับล่าง เช่น คอนโดมิเนียม และบ้านราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นแหล่งการใช้จ่ายของผู้มีรายได้กลุ่มนี้น่าจะฟื้นตัวช้าด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น