xs
xsm
sm
md
lg

ทอท.ทบทวนแผนขยายสุวรรณภูมิชงบอร์ด ส.ค.สร้างอาคารใน ปท.ก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทอท.ปรับแผนขยายสุวรรณภูมิ เสนอบอร์ด ส.ค.นี้ เร่งสร้างเทอร์มินอลในประเทศก่อน 9,000 ล้านบาท ปี 53-56 เพิ่มขีดรับผู้โดยสารอีก 20 ล้านคนต่อปี ลดแออัดอาคารหลัก ส่วนรันเวย์ที่ 3 แม้จำเป็นแต่เร่งไม่ได้ เหตุต้องรอผลด้านสิ่งแวดล้อม ขยับลงทุนเฟส 2 ฟุ้งใช้รายได้ก่อสร้างไม่ต้องกู้เพิ่ม เผยสูญรายได้จากภาวะเศรษฐกิจและมาตรการลด Landing Fee และ Parking Fee ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ต้องปรับแผนลดรายจ่ายเพิ่ม มั่นใจประคองตัวปี 52 ไม่ขาดทุน

นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทอท.อยู่ระหว่างการปรับแผนการลงทุนโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยมีการ ทบทวนแผนการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 และการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (Domestic Terminal) จัดลำดับความสำคัญการดำเนินการโดยจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และทางวิ่ง (รันเวย์) ที่ 3 วงเงินลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาทก่อน ส่วนโครงการในเฟส 2 ที่เหลือจะดำเนินการในระยะต่อไป โดยจะเสนอแผนการลงทุนต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท.ในเดือน ส.ค.นี้และเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ ในส่วนของสุวรรณภูมิเฟส 2 นั้น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นชอบโครงการแล้ว เหลือเพียงก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 ที่ต้องรอการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม (สผ.) ส่วนอาคารผู้โดยสารในประเทศนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทเดิม ซึ่งมีการศึกษาเบื้องต้นไว้แล้ว

โดยการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในส่วนของดำเนินการก่อสร้างกลุ่มงานอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี (พ.ศ.2553-2556) วงเงินประมาณ 9,000 ล้านบาท ขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 20 ล้านคนต่อปี รวมกับอาคารผู้โดยสารปัจจุบันอีก 45 ล้านคนต่อปี รวมเป็น 65 ล้านคนต่อปี ได้ถึงปี 2562 ซึ่งจะลดความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ก่อนที่เฟส 2 ซึ่งใช้เวลาดำเนินการ 6 ปี (พ.ศ.2554-2559) จะแล้วเสร็จ สำหรับงานก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 วงเงิน 3,746.870 ล้านบาท

นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานแผนงานและการเงิน) ทอท.กล่าวว่า การลงทุนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศวงเงินประมาณ 9,000 ล้านบาทนั้น ทอท.จะใช้เงินรายได้มาดำเนินการไม่ต้องกู้เงินเพิ่ม และจะไม่กระทบต่อการเงินของทอท.แต่อย่างใด ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะสามารถว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาโครงการหรือ PMC และเริ่มออกแบบก่อสร้าง (Detail&Design) ในปี 2553 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนงบประมาณด้านการเงินที่ใช้ในการลงทุนแต่ละปี

สำหรับความคืบหน้าการปรับแผนลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ของ ทอท.เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวและเที่ยวบินลดลงและมาตรการปรับลดค่าธรรมเนียมการขึ้นลงอากาศยาน (Landing Fee) ค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (Parking Fee) เพื่อ ช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการบินเพื่อไม่ให้กระทบต่อผลการดำเนินงานใน ปี 2552 นั้น

ก่อนหน้านี้ ได้ปรับลดค่าใช้จ่ายลงไปแล้วประมาณ 2,500 ล้านบาทเพื่อชดเชยรายได้ที่ลดลงจากมาตรการลด Landing Fee และ Parking Fee และรายได้จากเที่ยวบินและผู้โดยสารที่ลดลง แต่เนื่องจากได้มีการขยายเวลาการลด Landing Fee จาก 20% เป็น 30% และงดเก็บ Parking Fee ที่จอด 24 ชม.ออกไปถึง 31 ธ.ค.2552 จากเดิมที่จะสิ้นสุดใน 30 ก.ย.2552 ซึ่งทำให้ทอท.สูญเสียรายได้เพิ่มอีก 450 ล้านบาท ดังนั้น จะต้องปรับลดค่าใช้จ่ายลงเพิ่ม ให้ได้รวมไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ แต่ละปี ทอท.ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายไว้ประมาณ 20,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จะต้องประเมินและติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจเพื่อปรับตัวได้ทันและเชื่อว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 จะเริ่มดีขึ้นและทั้งปี52 ไม่น่าจะพบกับภาวะการขาดทุน แม้ว่ารายได้ของปี 52 จะไม่ดีเท่ากับปี 2551 แต่การปรับลดรายจ่ายจะทำให้ผลประกอบการไม่มีปัญหา

โดยผลการดำเนินงานของ ทอท.ในรอบ 6 เดือนปี 2552 (ต.ค.2551-มี.ค.2552) มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 11,140.27 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2551 จำนวน 1,354.90 ล้านบาท หรือ 10.84% โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวม 8,676.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140.81 ล้านบาท หรือ 1.65% กำไรจากการดำเนินงานรวม 2,463.55 ล้านบาท ลดลง 1,495.71 ล้านบาท หรือ 37.78% กำไรสุทธิ จำนวน 153.61 ล้านบาท ลดลง 3,343.45 ล้านบาท หรือ 95.61% กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท ลดลงจากปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.45 บาท

ส่วนการลงทุนสุวรรณภูมิเฟส 2 ตามแผนเดิมมีมูลค่ารวม 7.78 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย 5 กลุ่มงาน คือ 1. การชดเชยผลกระทบทางเสียงจากการดำเนินงานวงเงิน 7,249.6 ล้านบาท 2. กลุ่มงาน Airfield Pavement มี งานก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 วงเงิน 3,746.870 ล้านบาท 3. กลุ่มงานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ประกอบด้วยงานออกแบบและก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 วงเงิน 27,864.653 ล้านบาท

งานก่อสร้างลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 วงเงิน 4,907.34 ล้านบาท งานออกแบบและก่อสร้างส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้วงเงิน 4,930.812 ล้านบาท งานออกแบบและติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสาร (APM) วงเงิน 3,042.260 ล้านบาท

4.กลุ่มงานอาคารผู้โดยสาร ประกอบด้วย งานออกแบบและก่อสร้างส่วนขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก วงเงิน 6,780.190 ล้านบาท งานออกแบบและก่อสร้างอาคารสำนักงานสายการบินและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก วงเงิน 625.671 ล้านบาท 5. กลุ่มงานระบบสาธารณูปโภค ประกอบด้วย งานออกแบบและก่อสร้างระบบสาธารณูปโภควงเงิน 2,693.219 ล้านบาท และ 6.งานจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ (PMC) วงเงิน 810 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น