xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์เล็งทบทวนกฎหมายต่างด้าว ปิดประตูเปิดเสรีบัญชีแนบท้าย3(21)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“พาณิชย์”เตรียมทบทวนบัญชีแนบท้ายกฎหมายต่างด้าวเร็วๆ นี้ เผยจะไม่มีการแก้ไขเปิดเสรีบัญชีแนบท้าย 3 (21) ตามที่ต่างชาติเรียกร้อง เหตุป้องกันเกิดธุรกิจใหม่ๆ แล้วต่างชาติเข้ามาแข่งกับคนไทย แต่จะมีการผ่อนคลายให้เข้ามาทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า เร็วๆ นี้ คณะกรรมการพิจารณาทบทวน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวพ.ศ.2542 จะประชุมเพื่อพิจารณาทบทวนบัญชีแนบท้าย 1, 2 และ 3 ของกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งเป็นการดำเนินการเป็นประจำทุกปี เพื่อปรับปรุงธุรกิจในบัญชีต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ส่วนจะมีการเปิดเสรีเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับระดับนโยบายแต่ยืนยันได้ว่าจะมีการผ่อนคลายให้คนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในไทยได้ง่ายขึ้น

ส่วนกรณีที่หอการค้าต่างประเทศในไทย เรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขบัญชีแนบท้าย 3 (21) ที่กำหนดให้การทำธุรกิจบริการอื่นๆ จะต้องขออนุญาต ซึ่งเห็นว่าการระบุไว้กว้างๆ เช่นนี้เหมาะสมแล้ว เป็นการป้องกันธุรกิจบริการที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต และหากต่างชาติต้องการเข้ามาลงทุนก็ต้องขออนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าก่อน เพราะหากเปิดเสรีทั้งหมดอาจจะกระทบต่อธุรกิจของคนไทยได้

ทั้งนี้ บัญชีแนบท้าย 1 เป็นธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษ มี 9 ธุรกิจ เช่น กิจการหนังสือพิมพ์ สถานีวิทยุกระจายเสียง หรือสถานีโทรทัศน์, การทำนา ทำไร่ หรือทำสวน, การเลี้ยงสัตว์, การทำป่าไม้ และการแปรรูปไม้จากป่าธรรมชาติ บัญชีแนบท้าย 2 ธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัย หรือความมั่นคงของประเทศ หรือมีผลกระทบต่อศิลปวัฒนธรรมจารีตประเพณี หัตถกรรมพื้น หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มี 13 ธุรกิจ เช่น การผลิต จำหน่าย และซ่อมบำรุงอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน, การขนส่งทางบก น้ำ หรืออากาศในประเทศ, การค้าของเก่า หรือศิลปวัตถุ, การผลิตน้ำตาลจากอ้อย ฯลฯ และบัญชี 3 ธุรกิจที่คนไทยยังไม่พร้อมแข่งขัน มี 20 ธุรกิจ รวม (21) ธุรกิจบริการอื่นๆ เช่น การสีข้าว, การทำประมง, การผลิตปูนขาว, การก่อสร้าง เป็นต้น

นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่หอการค้าต่างประเทศในไทย ต้องการให้ไทยแก้ไขและมีการเปิดเสรีในบัญชี 3 (21) ในส่วนของธุรกิจบริการอื่นๆ นั้น กระทรวงพาณิชย์ต้องฟังความเห็นจากรัฐบาลก่อน เพราะเป็นเรื่องของระดับนโยบายของผู้บริหารประเทศ และจะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น