ASTVผู้จัดการรายวัน-“อลงกรณ์”เล็งดันธุรกิจคาร์แคร์ แอร์แคร์ และเฮลธ์แคร์ เจาะตลาดตะวันออกกลาง หลังพบมีศักยภาพสูง พร้อมจับมือดูไบ เวิลด์ ทำไทยแลนด์ มอลล์ ใช้เป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าไทยเข้าสู่ตะวันออกกลาง
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มีแนวคิดที่จะผลักดันธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์ (คาร์แคร์) ธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศ (แอร์แคร์) และธุรกิจที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ (เฮลธ์แคร์) ของไทยไปลงทุนในตะวันออกกลางให้มากขึ้น เพราะเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพ และตลาดยังขยายตัวได้อีกมาก เพราะมีผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจทั้ง 2 น้อยมาก อีกทั้งเป็นประเทศที่มีฝุ่นทรายมาก คาดว่า เมื่อธุรกิจไทยไปเปิดแล้ว น่าจะได้รับความนิยม
“ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำดูไบ วิจัยตลาดธุรกิจคาร์แคร์ และแอร์แคร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะตะวันออกกลางมีฝุ่นทรายมาก เศษทรายเข้าไปติดตามห้องเครื่องรถยนต์ และในเครื่องปรับอากาศมาก แต่คนทำธุรกิจทั้ง 2 ยังมีไม่มากนัก น่าจะเป็นโอกาสที่ธุรกิจไทยจะขยายการลงทุนได้ โดยจะทำในลักษณะการขายแฟรนไชส์”นายอลงกรณ์กล่าว
ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ ขณะนี้เห็นว่าเครื่องกรองอากาศแบบเสียบจมูกน่าจะขายได้ดี เพื่อใช้ในการป้องกันฝุ่นละออง ซึ่งสินค้าตัวนี้ เป็นสินค้าที่ผลิตโดยคนไทยและเป็นธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจนสามารถผลิตออกมาเป็นสินค้า และล่าสุดได้มีการจดสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว ซึ่งกำลังจะผลักดันให้มีการไปจดสิทธิบัตรในตะวันออกกลาง และเมืองใหญ่ๆ ที่มีมลพิษสูง เช่น ญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯ และประเทศที่มักมีไฟไหม้ป่า เพราะโอกาสที่สินค้าตัวนี้จะไปทำตลาดมีมาก
การจดสิทธิบัตร จะเป็นการปกป้องไม่ให้สินค้าไทยถูกเลียนแบบ เพราะจากการนำสินค้าไปเสนอขาย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และคาดว่าจะเป็นสินค้าตัวใหม่ที่มีโอกาสในการทำตลาดในหลายๆ ประเทศ และเป็นสินค้าตัวใหม่ในการส่งออกของไทย
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ยังจะร่วมมือกับกลุ่มนาคิว ซึ่งก็คือกลุ่มดูไบ เวิลด์ ทำไทยแลนด์ มอลล์ หรือศูนย์กระจายสินค้าไทยในดูไบ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าไทยไปยังประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง รวมถึงในเอเชียใต้ และยุโรปใต้ โดยคาดว่าจะมีสินค้าประมาณ 1,000-2,000 รายการ รวมถึงกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่ไทยจะค้าขายสินค้าแบบแคช แอนด์ แคร์รี่ หรือร้านขายสินค้าขนาดเล็กในจุดที่เป็นท่าเรือของดูไบ เพราะมีเรือสินค้าขนส่งสินค้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่จะกระจายสินค้าไทยได้มากขึ้น
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า มีแนวคิดที่จะผลักดันธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์ (คาร์แคร์) ธุรกิจให้บริการซ่อมบำรุงเครื่องปรับอากาศ (แอร์แคร์) และธุรกิจที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ (เฮลธ์แคร์) ของไทยไปลงทุนในตะวันออกกลางให้มากขึ้น เพราะเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพ และตลาดยังขยายตัวได้อีกมาก เพราะมีผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจทั้ง 2 น้อยมาก อีกทั้งเป็นประเทศที่มีฝุ่นทรายมาก คาดว่า เมื่อธุรกิจไทยไปเปิดแล้ว น่าจะได้รับความนิยม
“ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำดูไบ วิจัยตลาดธุรกิจคาร์แคร์ และแอร์แคร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะตะวันออกกลางมีฝุ่นทรายมาก เศษทรายเข้าไปติดตามห้องเครื่องรถยนต์ และในเครื่องปรับอากาศมาก แต่คนทำธุรกิจทั้ง 2 ยังมีไม่มากนัก น่าจะเป็นโอกาสที่ธุรกิจไทยจะขยายการลงทุนได้ โดยจะทำในลักษณะการขายแฟรนไชส์”นายอลงกรณ์กล่าว
ส่วนธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ ขณะนี้เห็นว่าเครื่องกรองอากาศแบบเสียบจมูกน่าจะขายได้ดี เพื่อใช้ในการป้องกันฝุ่นละออง ซึ่งสินค้าตัวนี้ เป็นสินค้าที่ผลิตโดยคนไทยและเป็นธุรกิจที่ได้รับการส่งเสริมจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจนสามารถผลิตออกมาเป็นสินค้า และล่าสุดได้มีการจดสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว ซึ่งกำลังจะผลักดันให้มีการไปจดสิทธิบัตรในตะวันออกกลาง และเมืองใหญ่ๆ ที่มีมลพิษสูง เช่น ญี่ปุ่น จีน สหรัฐฯ และประเทศที่มักมีไฟไหม้ป่า เพราะโอกาสที่สินค้าตัวนี้จะไปทำตลาดมีมาก
การจดสิทธิบัตร จะเป็นการปกป้องไม่ให้สินค้าไทยถูกเลียนแบบ เพราะจากการนำสินค้าไปเสนอขาย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และคาดว่าจะเป็นสินค้าตัวใหม่ที่มีโอกาสในการทำตลาดในหลายๆ ประเทศ และเป็นสินค้าตัวใหม่ในการส่งออกของไทย
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ยังจะร่วมมือกับกลุ่มนาคิว ซึ่งก็คือกลุ่มดูไบ เวิลด์ ทำไทยแลนด์ มอลล์ หรือศูนย์กระจายสินค้าไทยในดูไบ เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าไทยไปยังประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง รวมถึงในเอเชียใต้ และยุโรปใต้ โดยคาดว่าจะมีสินค้าประมาณ 1,000-2,000 รายการ รวมถึงกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่ไทยจะค้าขายสินค้าแบบแคช แอนด์ แคร์รี่ หรือร้านขายสินค้าขนาดเล็กในจุดที่เป็นท่าเรือของดูไบ เพราะมีเรือสินค้าขนส่งสินค้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่จะกระจายสินค้าไทยได้มากขึ้น