กูลิโกะ โดดสู่สมรภูมิมันฝรั่งทอดกรอบ แตกไลน์สินค้าใหม่รอบ 39 ปี อัดฉีด 50 ล้นบาท ปั้น “โปเทโต้ สปิคกี้” ชูกลยุทธ์รสชาติโลคัลหลากหลาย อัดโปรโมชันชิงโชคดันยอดขาย ตั้งเป้าแชร์ 5% จากตลาดสแน็ก 1.5 หมื่นบาท ลั่นลุยขยายตลาดต่างประเทศ จ่อคิวอินเดีย สิ้นปีโต 30-40% กวาด 3,500 ล้านบาท
นายยิโระ วาตะบิขิ กรรมการผ้จัดการ บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมบิสกิตภายใต้แบรนด์กูลิโกะ เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวมันฝรั่งทอดกรอบชนิดแท่งภายใต้ชื่อ “โปเทโต้ สปิคกี้” ลงเซ็กเมนต์มันฝรั่งทอดกรอบ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 39 ปี ที่บริษัทมีการขยายโปรดักต์ไลน์เหนือจากกลุ่มบิสกิต ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งในตลาด 15% จากมูลค่า 7,000 ล้านบาท และช็อกโกแลต เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 15% จากตลาด 3,500 ล้านบาท ทั้งนี้ การรุกตลาดมันฝรั่งทอดกรอบ เพื่อขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมตลาดขนมสำเร็จรูปมูลค่า 3-3.5 หมื่นล้านบาท
“บริษัทได้ตัดสินใจลงตลาดขนมขบเคี้ยวมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท หรือคิดป็น 45% จากตลาดรวม เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและขนาดใหญ่ในประเทศไทย แม้ว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตเพียง 2% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย”
สำหรับกลยุทธ์การตลาดบริษัทโฟกัสความหลากหลายของรสชาติที่เป็นท้องถิ่นเฉพาะในแต่ละประเทศ จากปัจจุบันมันฝรั่งทอดกรอบมีวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นและจีน ซึ่งรสชาติแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน และหากรสชาติใดยอดขายไม่ดีจะนำออกจากตลาดไป สำหรับในประเทศไทยนำร่อง 4 รสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม รสซาวครีม และหัวหอม รสชีส และน้ำพริกหนุ่ม บรรจุภัณฑก์ล่อง ราคา 18 บาท โดยจำหน่ายทางโมเดิร์นเทรด 50% และเทรดดิชันนัลเทรด 50%
บริษัทได้ทุ่มงบ 50 ล้านบท โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ มุ่งสื่อสารนวัตกรรมใหม่ของมันฝรั่งแบบแท่ง และจัดโรดโชว์ วันที่ 25-27 มิถุนายน และแจกสินค้าทดลองชิมกว่า 1 ล้านแท่ง ในย่านเพลินจิต สีลม สยาม และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกับร้านค้าตามตลาดต่างจังหวัด และเตรียมเปิดตัวแคมเปญ “Get Stick Get Fun II” นำชิ้นส่วนทุกผลิตภัณฑ์กูลิโกะส่งชิงโชค ระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม นี้ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ด้าน นายณรงค์ อัชทวีวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่นๆ ได้แก่ อินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีประชากรเป็นจำนวนมาก และในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง ซาอุดีอาระเบีย เวียดนาม และกำลังขยายการส่งออกสู่ ออสเตรเลีย ซึ่งการทำตลาดต่างประเทศเป็นลักษณะการลงทุนและหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ จากปัจจุบันกูลิโกะมีโรงงาน 4 แห่ง คือ จีน และญี่ปุ่น รองรับความต้องการภายในประเทศ และที่ฝรั่งเศสรองรับตลาดในยุโรป และไทยรองรับตลาดภายในประเทศในสัดส่วน 65% และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สัดส่วน 35%
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 30-40% หรือมีรายได้ 3,500 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมาเติบโต 40% หรือมีรายได้ 2,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น รายได้กลุ่ม ป็อกกี้และเพรท 45% ช็อกโกแลต 30% และบิสกิต 15% ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทใช้กลยุทธ์รักษาสินค้ากลุ่มหลัก ได้แก่ ช็อกโกแลต บิสกิต เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด โดยคาดว่าส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 20% ทั้งสองกลุ่ม ส่วนโปเทโต้ สปิคกี้ คาดว่ามีส่วนแบ่ง 5% จากตลาดมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ่ซึ่งผู้นำตลาดเป็นมันฝรั่งทอดกรอบเลย์ ครองส่วนแบ่ง 20% ส่วนอันดับ 2-4 มีส่วนแบ่งไล่เลี่ยกัน 6-7%
นายยิโระ วาตะบิขิ กรรมการผ้จัดการ บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมบิสกิตภายใต้แบรนด์กูลิโกะ เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวมันฝรั่งทอดกรอบชนิดแท่งภายใต้ชื่อ “โปเทโต้ สปิคกี้” ลงเซ็กเมนต์มันฝรั่งทอดกรอบ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 39 ปี ที่บริษัทมีการขยายโปรดักต์ไลน์เหนือจากกลุ่มบิสกิต ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่งในตลาด 15% จากมูลค่า 7,000 ล้านบาท และช็อกโกแลต เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 15% จากตลาด 3,500 ล้านบาท ทั้งนี้ การรุกตลาดมันฝรั่งทอดกรอบ เพื่อขยายไลน์สินค้าให้ครอบคลุมตลาดขนมสำเร็จรูปมูลค่า 3-3.5 หมื่นล้านบาท
“บริษัทได้ตัดสินใจลงตลาดขนมขบเคี้ยวมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท หรือคิดป็น 45% จากตลาดรวม เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพและขนาดใหญ่ในประเทศไทย แม้ว่าในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตเพียง 2% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย”
สำหรับกลยุทธ์การตลาดบริษัทโฟกัสความหลากหลายของรสชาติที่เป็นท้องถิ่นเฉพาะในแต่ละประเทศ จากปัจจุบันมันฝรั่งทอดกรอบมีวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นและจีน ซึ่งรสชาติแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน และหากรสชาติใดยอดขายไม่ดีจะนำออกจากตลาดไป สำหรับในประเทศไทยนำร่อง 4 รสชาติ ได้แก่ รสดั้งเดิม รสซาวครีม และหัวหอม รสชีส และน้ำพริกหนุ่ม บรรจุภัณฑก์ล่อง ราคา 18 บาท โดยจำหน่ายทางโมเดิร์นเทรด 50% และเทรดดิชันนัลเทรด 50%
บริษัทได้ทุ่มงบ 50 ล้านบท โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ มุ่งสื่อสารนวัตกรรมใหม่ของมันฝรั่งแบบแท่ง และจัดโรดโชว์ วันที่ 25-27 มิถุนายน และแจกสินค้าทดลองชิมกว่า 1 ล้านแท่ง ในย่านเพลินจิต สีลม สยาม และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกับร้านค้าตามตลาดต่างจังหวัด และเตรียมเปิดตัวแคมเปญ “Get Stick Get Fun II” นำชิ้นส่วนทุกผลิตภัณฑ์กูลิโกะส่งชิงโชค ระหว่างเดือนมิถุนายน-ตุลาคม นี้ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ด้าน นายณรงค์ อัชทวีวรรณ ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทยกูลิโกะ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเตรียมขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่นๆ ได้แก่ อินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีประชากรเป็นจำนวนมาก และในสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง ซาอุดีอาระเบีย เวียดนาม และกำลังขยายการส่งออกสู่ ออสเตรเลีย ซึ่งการทำตลาดต่างประเทศเป็นลักษณะการลงทุนและหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ จากปัจจุบันกูลิโกะมีโรงงาน 4 แห่ง คือ จีน และญี่ปุ่น รองรับความต้องการภายในประเทศ และที่ฝรั่งเศสรองรับตลาดในยุโรป และไทยรองรับตลาดภายในประเทศในสัดส่วน 65% และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สัดส่วน 35%
สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 30-40% หรือมีรายได้ 3,500 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมาเติบโต 40% หรือมีรายได้ 2,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น รายได้กลุ่ม ป็อกกี้และเพรท 45% ช็อกโกแลต 30% และบิสกิต 15% ทั้งนี้ ปีนี้บริษัทใช้กลยุทธ์รักษาสินค้ากลุ่มหลัก ได้แก่ ช็อกโกแลต บิสกิต เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด โดยคาดว่าส่วนแบ่งเพิ่มเป็น 20% ทั้งสองกลุ่ม ส่วนโปเทโต้ สปิคกี้ คาดว่ามีส่วนแบ่ง 5% จากตลาดมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ่ซึ่งผู้นำตลาดเป็นมันฝรั่งทอดกรอบเลย์ ครองส่วนแบ่ง 20% ส่วนอันดับ 2-4 มีส่วนแบ่งไล่เลี่ยกัน 6-7%
