xs
xsm
sm
md
lg

“ฟิลลิป คอทเลอร์” ชี้ทางสู้วิกฤตสอนมวยรัฐบาลไทยกระตุ้น ศก.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กูรูการตลาดระดับโลก “ฟิลลิป คอทเลอร์” ชี้ เทรนด์การตลาดสู่ยุคการจัดการปั่นปวนแนะกลยุทธ์รับมือ ระบุ ประชากรยากจน 4,000 ล้านคน ตลาดใหญ่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม สอนมวยรัฐบาลไทยกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก สร้างจุดขายประเทศ เร่งทำตลาดท่องเที่ยว-ดึงนักลงทุน ชี้ภาคเกษตรกรรมต้องปรับตัว พึ่งเทคโนโลยี สร้างมูลค่าเกษตรแปรรูป ลั่นภาครัฐกำจัดจุดอ่อนการเมืองขาดเสถียรภาพ ตัวแปรกระตุ้นเศรษฐกิจสะดุดไปไม่ถึงฝัน

นายฟิลลิป คอทเลอร์ นักการตลาดระดับโลก กล่าวว่า การจัดการในยุคนี้ต้องผจญกับความปั่นปวน เพราะปัจจุบันมีปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยมาจากการเปลี่ยนของโลกที่เข้าสู่โลกาภิวัฒน์หรือโลกแห่งดิจิตอล ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั่วโลก ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือ วิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก ดังนั้นวิธีการบริหารจัดการมีด้วย 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1.ระบบการเตือนล่วงหน้า 2.ระบบการสร้างเหตุการณ์สมมุติ เพื่อรองรับกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด 3.งบประมาณที่ต้องมีความยืดหยุ่น

นอกจากนี้ ยังได้แนะนำบริษัทพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในภาวะเศรษฐกิจ โดยได้ยกตัวอย่าง โมเดลธุรกิจ ว่า สำหรับบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินและการตลาด ควรซื้อกิจการหรือธุรกิจต่างๆ เพราะจะได้ราคาที่ถูก ส่วนบริษัทที่อ่อนทั้งการเงินและการตลาด ควรจะขายธุรกิจทิ้ง ขณะที่บริษัทแข็งแกร่งด้านการเงินแต่อ่อนการตลาด ควรซื้อแบรนด์ที่แข็งแกร่งเข้ามาทำตลาดและประการสุดท้าย สำหรับบริษัทที่มีความแข็งแกร่งด้านการตลาดแต่การเงินอ่อน ควรตัดค่าใช้จ่ายต่างๆ และหันมาสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

นายคอทเลอร์ กล่าวว่า อาเซียนควรมีการรวมตัวกันให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น จากปัจจุบันการรวมตัวกันยังพัฒนาห่างชั้นจากยุโรป 30-40 ปี โดยควรนำโมเดลจากทวีปยุโรปเป็นแบบอย่าง เช่น การใช้เงินสกุลเดียวกัน มีการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ที่เบลเยียม เพื่อกำหนดทิศทางหรือมาตรฐานต่างๆ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองให้กับภูมิภาคมากยิ่งขึ้นเพื่อรองรับกับยุคการบริหารจัดการที่ปั่นปวนและอ่อนไหวได้ง่ายและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

“ที่ผ่านมา การบริโภคของคนยังต่ำ แม้ว่านักการตลาดมองว่าตลาดเริ่มอิ่มตัว โดยพบว่า กลุ่มประชากรกว่า 4,000 ล้านคน เป็นผู้ที่ยากจนอยู่และมีการบริโภคที่ต่ำ ดังนั้นนักการตลาดควรคิดว่าจะทำอย่างไรให้กลุ่มดังกล่าวมีรายได้ การขอสินเชื่อจากธนาคารง่ายขึ้น เพื่อรุดพ้นจากความยากจน”

สำหรับประเทศไทย ภาครัฐควรกระตุ้นเศรษฐกิจในเชิงรุก โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการดึงนักลงทุนมาลงทุน เพราะปัจจุบันมีคนรู้จักประเทศอยู่แล้ว แต่จะทำอย่างไรให้คนมาเที่ยวและมาลงทุนมากกว่า มองว่าภาครัฐต้องคิดในเชิงรุก มีการบริหารจัดการใหม่ เพื่อทำให้คนมีรายได้มากขึ้น

พร้อมกันนี้ ยังได้แนะนำการทำตลาดสำหรับภาครัฐควรดำเนินการตลาดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยพิจารณาการเลือกกลุ่มเป้าหมายว่า ในเชิงปริมาณหรือคุณภาพ และมีการทำวิจัยกลุ่มดังกล่าวชื่นชอบการท่องเที่ยวลักษณะใด จากนั้นค่อยใส่งบการตลาด โดยกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพสำหรับการทำตลาดขณะนี้ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ คือ ประเทศอินเดีย และจีน

นอกจากนี้ ประเทศไทยควรสร้างจุดขายให้กับประเทศหรือให้กับสินค้า ยกตัวอย่าง ฟินแลนด์ มีคนรู้จัก เพราะโทรศัพท์มือถือโนเกีย สิงคโปร์ แอร์ไลน์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นสายการบินดีที่สุด ทั้งที่สายการบินไทยควรจะได้รับ หรือกระทั่งประเทศเกาหลี สร้างอุตสาหกรรมบันเทิง มีคนฟังเพลงเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ฟังภาษาไม่ได้ด้วยซ้ำ นอกจากนี้ ภาครัฐควรลงทุนการสร้างถนน โครงการสาธารณูปโภค เพื่อให้เกิดการสร้างงาน

สำหรับเมืองไทยเป็นประเทศมีภาคเกษตรกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน ควรปรับตัวมุ่งเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น และรวมตัวกันขึ้นเป็นสหกรณ์ เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรอง และพัฒนามาตรการผลิต และการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าภาคการเกษตร นอกจากนี้ควรมีนักเศรษฐศาสตร์ภาคการเกษตร เพื่อคำนวนทิศทางการเกษตร การปลูกพืชที่สร้างรายได้ เป็นต้น

นายคอลเลอร์ กล่าวถึงการเมืองไทย ว่า การขาดเสถียรภาพเป็นปัจจัยลบด้านการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้องกำจัดปัญหาดังกล่าวให้ได้ อย่าง อเมริกา ที่ผ่านมา มีปัญหาดังกล่าวเช่นกัน กรณี บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาบริหารประเทศ ฝ่ายค้านรีพับลิกันก็ขัดขว้างการบริหารงาน ซึ่งอาจทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจสะดุด อย่างไรก็ตาม มุมมองนักการตลาด การที่ผู้นำสามารถบริหารประเทศได้ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น