นายกฯ ขันนอตบิ๊ก ขรก.ใส่เกียร์ 5 ทำงานแก้ ศก. เชื่อ GDP ไตรมาส 2 ดีกว่าไตรมาสแรก หลังเห็นตัวเลข พ.ค.เริ่มดีขึ้น มั่นใจ พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้าน ไม่ขัด รธน.ปี 50 ส่วนการเปลี่ยนหน่วยงานดูแลสินค้าเกษตรเชื่อ “เจ๊วา” ไม่น้อยใจ ส่วนนโยบายจัดสรรที่ดินทำการเกษตรไร่ละ 10 บาท ยันไม่ซ้ำรอย ส.ป.ก.4-01 แน่นอน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อกระชับการทำงานแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 2 ปี 2552 จะดีขึ้นกว่าไตรมาสแรกที่ติดลบ 7.1% เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณของตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ในเดือนพฤษภาคม 2552 ที่เริ่มดีขึ้น
“รัฐบาลเชื่อว่าไตรมาส 2 จะดีขึ้น แม้ว่าจะมีเหตุการณ์ในช่วงเดือนเมษายน 2552 แต่หากดูตัวเลขในเดือนพฤษภาคม 2552 คิดว่าไม่เลวร้ายไปกว่านี้ เพราะรัฐบาลมีมาตรการต่างๆ ที่มีผลตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา”
ส่วนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในวงเงินไม่เกิน 4 แสนล้านบาท ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งวินิจฉัยวันที่ 3 มิถุนายน 2552 นั้น หากท้ายสุดแล้วพบว่าการออก พ.ร.ก.ดังกล่าวไม่ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2550 ก็เชื่อว่าน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญในกลางเดือนมิถุนายน 2552 อย่างแน่นอน
“ด้านปัญหาเรื่องการระบายสินค้าเกษตร เชื่อว่าหลังจากการประชุมคณะกรรมการชุดที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานไปเมื่อวานนี้ คงไม่มีรัฐมนตรีคนใดน้อยใจ และน่าจะทำความเข้าใจกันได้เป็นอย่างดีว่า โดยหลักแล้วจะต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ซึ่งข้อสรุปทั้งหมดคาดว่าจะนำเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 3 มิถุนายน 2552 (สัปดาห์หน้า)”
นอกจากนี้ โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่าองค์การคลังสินค้า (อคส.) ควรจะทำหน้าที่ในเรื่องการเก็บรักษาสินค้ามากกว่าการระบายสินค้า ซึ่งข้อเสนอของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในแนวทางที่ต้องการให้กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เป็นหน่วยงานหลักในการระบายสินค้าเกษตรแทน อ.ค.ส.นั้น ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ได้คุยกันในที่ประชุม ครม.แล้ว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงแนวคิดของนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่จะผลักดันการจัดสรรที่ดินสาธารณะเพื่อใหห้เช่าทำการเกษตรไร่ละ 10 บาท โดยมองว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ และเชื่อว่าจะไม่เกิดข้อครหาซ้ำรอยกรณี ส.ป.ก.4-01 ในสมัยรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี เนื่องจากได้สอบถามไปยังนายถาวรแล้วได้รับคำตอบว่าเป็นโครงการเดิมที่มีความตั้งใจจะสานต่อ
“แต่ที่ถูกจับตาเป็นข่าวเพราะอาจเห็นว่ากระทรวงมหาดไทยจะมาเร่งรัดดำเนินการในช่วงนี้ หากใครจะมองว่าเป็นโครงการหาเสียงเลือกตั้งก็มองได้ แต่ถ้าเป็นการทำประโยชน์ให้แก่ประชาชน ก็ถือว่าไม่เสียหายแต่อย่างใด”
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงผลสำรวจเอแบคโพลล์ที่พบว่า นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนบอกว่าไม่รู้จักมากที่สุด นายกฯ ระบุว่า หลังเดินทางกลับจากราชการที่เกาหลีใต้แล้ว จะลงไปติดตามงานในแต่ละกระทรวงให้มากขึ้นถึงเพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาลในแต่ละด้าน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บรรยากาศทั้งก่อนและหลังประชุมครั้งนี้เป็นไปด้วยความชื่นมื่น นายกรัฐมนตรีกล่าวทักทายกับผู้ร่วมประชุมอย่างเป็นกันเอง โดยเฉพาะ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ถูกผู้สื่อข่าวจับตาเป็นพิเศษว่า จะแสดงท่าทีอย่างไรต่อนายกรัฐมนตรี หลังมีกระแสข่าวว่า เกิดการบาดหมางใจกันในเรื่องการทำงาน แต่ก็ปรากฏว่านางพรทิวา มีทีท่ายิ้มแย้ม โดยเดินออกมาต้อนรับและทักทายนายกรัฐมนตรีทั้งก่อนและหลังเสร็จสิ้นการประชุม