“กอร์ปศักดิ์” คาดปัญหาการเมือง กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญ กดดันการขยายตัว “จีดีพี” ในไตรมาส 2 มากกว่าปัญหา ศก.เพราะได้แก้ไขไปแล้ว พร้อมแสดงความเป็นห่วง พ.ร.ก.เงินกู้ ซึ่งต้องมีเม็ดเงินอัดฉีด 1.16 แสนล้าน เข้าสู่ระบบรอบ 2 เพื่อไม่ให้โครงการชะงัก
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัจจัยลบในไตรมาส 2 ปี 2552 ที่อาจมีผลต่อตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) โดยยอมรับว่า ปัญหาทางการเมือง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของจีดีพี ในไตรมาส 2 มากกว่าในปัญหาทางเศรษฐกิจ เพราะในส่วนของปัญหาด้านเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลได้เตรียมมาตรการต่างๆ ไว้เพื่อรองรับแล้ว เช่น แผนกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ตลอดจนการกู้เงินเพื่อใช้ในโครงการลงทุน เชื่อว่าจะศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาได้เร็ว และไม่ส่งผลกระทบให้การเดินหน้าโครงการต้องหยุดชะงัก
“ที่หนักใจสุดคือปัญหาทางการเมือง เรื่องเศรษฐกิจมีความมั่นใจพอสมควร คาดว่าไตรมาส 2 จีดีพี น่าจะดีขึ้น แต่ตัวเลขอาจจะยังน่ากลัวอยู่”
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลเข้ามาทำงานช่วงต้นเดือนมกราคม 2552 ทำได้เพียงการล้างท่อ และเตรียมใช้งบประมาณ 100,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังซื้อในช่วงแรก ซึ่งเงินออกไปประมาณต้นเดือนเมษายน 2552
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาทางการเมือง จึงต้องรอดูอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 2 คือเดือนเมษายน2552 ถึงเดือนมิถุนายน 2552 ต้องพิจารณาว่า จีดีพีจะเป็นอย่างไร แต่ตัวเลขคงจะน่าเป็นห่วงอีก เพราะเดือนเมษายน 2552 ยังมีปัญหาการเมืองอยู่ แต่น่าจะดีขึ้นเพราะเงินงบประมาณบางส่วนเริ่มออกบ้างแล้ว
รองนายกรัฐมนตรี ยังเชื่อว่า ถ้าแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสามารถเดินได้ตามเป้าหมาย จะสามารถสร้างงานให้กับประชาชนได้อย่างน้อย 2 ล้านคน
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ประกาศจีดีพี ไตรมาส 1 ปี 2552 ติดลบถึง 7.1% นั้น นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ตัวเลขจีดีพีในระดับดังกล่าว เป็นไปตามที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้
นายกอร์ปศักดิ์ ระบุว่า สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำต่อไป คือ การอัดฉีดเงินงบประมาณกลางปี 2552 ประมาณ 1.16 แสนล้านบาทให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไม่ทรุดตัวลงไปมากกว่านี้
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเลขจีดีพีติดลบน้อยลง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ได้เร็วหรือไม่ ถ้าพิจารณาเสร็จภายใน 1 เดือน คงไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะได้เตรียมการเกี่ยวกับแผนการใช้เงินกู้ไว้แล้ว ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในทางบวกสามารถเริ่มงานได้ทันที
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าในไตรมาส 4 จะพยายามให้ตัวเลขจีดีพีกลับมาเป็นบวกให้ได้นั้น นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ไม่หนักใจ แต่ที่หนักใจคือเรื่องทางการเมือง ว่าจะมีปัญหาทางการเมืองหรือไม่ แต่เรื่องเศรษฐกิจมีความมั่นใจพอสมควร และน่าจะสามารถสร้างงานได้มาก สำหรับภาวะเศรษฐกิจนอกประเทศ ถ้าอยู่ในภาวะที่นิ่ง คิดว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะไปได้ เพราะเงินจะลงไปช่วยสร้างงานได้ถึง 2 ล้านตำแหน่ง เมื่อประชาชนมีงานทำก็มีรายได้และเกิดการจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจก็เดินไปได้
