ม.หอการค้า เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน เม.ย.ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 72.1 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ต่ำสุดในรอบ 7 ปี หลังประชุมสุดยอดอาเซียน พัทยา ถูกยกเลิกกลางคัน ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ มีแนวโน้มแพงขึ้น
นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย ม.หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ประจำเดือนเมษายน 2552 โดยดัชนีความเชื่อมั่นมีการปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 72.1 เป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 87 เดือน
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความวิตกกังวลต่อเสถียรภาพทางการเมือง หลังต้องยกเลิกการประชุมอาเซียนกับคู่เจรจา และต้องประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศมีการปรับราคาเพิ่มขึ้น รวมทั้งภาวะการค้าระหว่างประเทศในช่วงเดือนมีนาคม 2552 การส่งออกปรับตัวลดลง “ธนวรรธ์” ชี้ การเมืองร้าว หากยุบสภากะทันหัน “จีดีพี” ติดลบถึง 5.3% แน่
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สำคัญยังคงปรับตัวลดลงทุกรายการ ประกอบด้วยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 65.1 โอกาสในการหางานทำลดลงอยู่ที่ระดับ 64.5 รายได้ในอนาคตลดลงอยู่ที่ระดับ 86.7 และมีดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 74.1
ด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุด โดยระบุว่า ประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่จะชี้วัดอนาคตเศรษฐกิจไทย
“หากว่า ความขัดแย้งสามารถคลี่คลายได้ภายใน ไตรมาส 2 ปี 2552 ก็อาจเป็นผลดีทำให้จีดีพีติดลบน้อยลงเหลือ 3.5% แต่หากความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศคลี่คลายลงในช่วงไตรมาส 3 ปี 2552 ก็คาดว่า จะทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 52 ติดลบประมาณ 4.3%”
สำหรับกรณีอย่างแย่ที่สุด คือ หากเกิดการยุบสภาแบบปัจจุบันทันด่วน โดยสภาไม่สามารถผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2553 ได้ ก็จะส่งผลให้จีดีพีปี 2552 ติดลบมากถึง 5.3%
นายธนวรรธ์ ยังมองว่า หากเป็นการยุบสภาที่เกิดขึ้นหลังการปฏิรูปการเมืองแล้วเสร็จแล้ว หรือเกิดขึ้นในช่วงหลังเดือนกันยายน 2552 ก็เชื่อว่า จะเป็นการยุบสภาที่นำไปสู่การสร้างโอกาสให้เศรษฐกิจเข้มแข็ง เนื่องจากมีการแก้ไขปัญหาทางการเมืองตามขั้นตอน ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นต่อการปฏิรูปการเมืองในประเทศ และจะไม่มีผลกระทบที่ทำให้จีดีพีหดตัวมากขึ้น