“คลัง” ชงแผนฟื้นโครงการ กรอ.เข้าที่ประชุม ครม.วันนี้ พร้อมมาตรการภาษีช่วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก “คมนาคม” เสนอแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.-ร.ฟ.ท.จับตาโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน การแยกรถไฟเป็น 2 ส่วน
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 พฤษภาคม 2552 (วันนี้) กระทรวงการคลังจะเสนอให้ทบทวนมติ ครม.เรื่องโครงการกองทุนเงินกู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551 ใหม่อีกครั้ง เพื่อให้รื้อฟื้นโครงการ กรอ.ขึ้นใหม่ สำหรับเด็กนักเรียนนักศึกษา ชั้นปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2552 เน้นสาขาที่ต้องการหลักและมีความชัดเจนของการผลิตกำลังคนร่วมกับเอกชนเป็นลำดับแรก ตามที่คณะกรรมการกองทุนเพื่อการศึกษากำหนด จากเดิมที่มติ ครม.เห็นชอบให้ดำเนินการเฉพาะเด็กนักเรียนนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ใช้ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการบริหารกองทุนเพื่อการศึกษาฉบับที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันไปพลางก่อน เพื่อให้ กรอ.สามารถให้เงินกู้ยืมแก่เด็กนักเรียนนักศึกษารายใหม่ได้ โดยจะใช้เงินจำนวน 2,100 ล้านบาท จากงบประมาณคงเหลือของ กรอ.ซึ่งการขอความเห็นชอบจาก ครม.ครั้งนี้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการกองทุนเพื่อการศึกษา เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2552 ที่มีมติเห็นชอบการให้กู้ยืมสำหรับผู้กู้ยืม กรอ.ตั้งแต่ปีการศึกษา 2549 และปีการศึกษา 2551 จนจบหลักสูตร และเห็นควรให้รวมไปถึงนักเรียน นักศึกษา ชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2552 นอกจากนี้ ยังให้เร่งรัดร่างพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... ซึ่งอยู่ในขั้นนำเสนอของฝ่ายบริหาร เพื่อดำเนินการให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
รายงานข่าวกล่าวอีกว่า กระทรวงการคลังยังเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันคุ้มครองเงินฝากทั้งการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ และการยกเว้นภาษีรายได้ให้กับสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ซึ่งเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย และไม่เข้าลักษณะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามประมวลรัษฎากร จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่การประกอบกิจการของสถาบันคุ้มครองเงินฝากยังมีภาระภาษี เช่น การขายสินค้าหรือให้บริการอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร การประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2(5) แห่งประมวลรัษฎากรและเสียอากรแสตมป์หากมีการกระทำตราสารที่อยู่ในบังคับต้องเสียอากรแสตมป์
**คมนาคม ชงแผนเช่ารถเมล์-ผ่าครึ่งรถไฟ
นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวก่อนเดินทางเข้าประชุม ครม. เช้าวันนี้ โดยระบุว่า กระทรวงคมจะนำเสนอแผนฟื้นฟูกิจการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เข้าสู่การพิจารณาของ ครม.หลังจากที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้รวบรวมรายละเอียดของการดำเนินการนำเสนอต่อ นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
สำหรับแผนฟื้นฟูดังกล่าว ประกอบด้วย แผนจัดหารถเมล์เช่าเอ็นจีวี 4,000 คัน ภายหลังจากมีการแก้ไขกรอบวงเงินค่าเช่าลงในครั้งสุดท้ายจาก 4,784 บาทต่อคันต่อวัน เหลือ 4,780 บาทต่อคันต่อวัน รวมทั้งแผนการชดเชยการให้บริการต่อสาธารณะ (พีเอสโอ) ตามที่รัฐบาลมีนโยบายจะชดเชยการให้บริการดังกล่าวจะทำให้ ขสมก.มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการดำเนินการและสามารถมีสภาพคล่องหมุนเวียนดีขึ้นสามารถนำไปชดเชยผลขาดทุนสะสมขององค์กรได้
นอกจากนี้ สำหรับโครงการจัดหารถเมล์เช่าเอ็นจีวี 4,000 คัน หาก ครม.เห็นชอบตามแผนที่กระทรวงเสนอ หลังจากนี้ ขสมก.จะประกาศเชิญชวนหาเอกชนที่มีความสนใจเข้าร่วมโครงการทันที เนื่องจากโครงการดังกล่าวล่าช้ากว่าแผนที่มีการกำหนดเป้าหมายไว้ เนื่องจากได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำมาแก้ไขร่างเงื่อนไขประกวดราคา (ทีโออาร์) กว่า 10 ครั้ง
นอกจากแผนฟื้นฟูกิจการของ ขสมก.ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.แล้ว กระทรวงคมนาคมจะเสนอแผนฟื้นฟูและปรับโครงสร้างกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยจะนำเสนอแผนจัดตั้งบริษัทลูก 2 บริษัท คือ บริษัทเดินรถเพื่อให้เกิดองค์กรที่จะมาบริหารการเดินรถของแอร์พอร์ตลิงก์ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอีก 2 เส้นทางในอนาคต รวมทั้งจะมีการจัดตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สินเพื่อบริหารสัญญาของที่ดินเช่าของ ร.ฟ.ท.ที่มีทั่วประเทศ
หาก ครม.ให้ควมเห็นชอบแผนปรับโครงสร้าง ร.ฟ.ท.ก็จะช่วยให้แผนการเตรียมความพร้อมในการเดินรถแอร์พอร์ตลิงก์ที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเริ่มให้บริการแบบไม่เก็บค่าโดยสารในเดือนสิงหาคม 2552 นี้ สามารถเริ่มเตรียมการการจัดหาบุคลากรทั้งจากพนักงานรถไฟและบุคคลภายนอกเข้ามาเตียมความพร้อมในการเดินรถช่วงเวลาดังกล่าว