เคเอฟซี ยิ้มรับตัวเลขไตรมาสแรกผ่านฉลุย โตตามเป้า 10% ส่วนไตรมาสสอง แนวโน้มสดใส อานิสงส์เอื้อหลายด้าน ล่าสุด เดินหน้าทุ่ม 10 ล้านบาท งัดกลยุทธ์สปอร์ตมาร์เก็ตติ้ง ระเบิดโครงการ “เคเอฟซี เซเว่น ชู๊ต” การแข่งขันฟุตบอลเยาวชน จับกลุ่มเด็กไทยอายุ 12-15 ปี หลังปรับทาร์เก็ตกรุ๊ปตามไลฟ์สไตล์ใหม่ มั่นใจสิ้นปีโต 25% ขยายสาขาสู่ 450 สาขาแน่นอน
นางแววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด-เคเอฟซี บริษัท ยัม เรสเตอรองสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการช่วงไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา โตกว่า 10% เป็นตัวเลขที่เป็นไปตามเป้า โดยสาเหตุของการเติบโต น่าจะมาจากสาขาใหม่เป็นหลัก และการออกเมนูใหม่เน้นเรื่องความคุ้มค่าคุ้มราคา ตอบโจทย์ผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะเดียวกัน3เดือนที่ผ่านมา ยังสามารถขยายสาขาเพิ่มได้อีก 22 สาขา รวมเป็น 375 สาขาในปัจจุบัน ภายในสิ้นปี ยังมั่นใจว่า จะเดินหน้าขยายสาขาให้ครบ 450 สาขาตามแผนที่วางไว้ได้
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาสสองนี้ ถือว่าค่อนโชคดี เพราะมีอานิสงส์เข้าช่วยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ การออกเมนูใหม่ ข้าวยำไก่ซี้ด และเรื่องของไข้หวัด ที่ทำให้ลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารที่เคเอฟซีมากขึ้น โดยเมื่อเทียบยอดขายเดือนพ.ค.นี้ เชื่อว่าจะสูงกว่าพ.ค.ในปีก่อนราว 15% (เป็นการเติบโตจากสาขาเดิมทั้งหมด) ถึงแม้ว่ายอดการจับจ่ายต่อบิลต่อครั้งจะลดลงจากเดิมราว 5% ก็ตาม เพราะเคเอฟซี ได้นำเสนอเมนูใหม่ที่คุ้มค่าคุ้มราคา
นางแววคนีย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ความสำเร็จของยอดขายส่วนหนึ่ง มาจากการที่บริษัทได้มีการจัดกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการใหม่ จากเดิมที่แยกเป้นกลุ่มอายุ มาเป็นการแยกจากไลฟ์สไตล์ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถทำการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าที่แบ่งครั้งนี้ จัดได้เป็นกลุ่มครอบครัวและเด็กเล็กอายุ ต่ำกว่า 14 ปีลงมา มีสัดส่วนกว่า 36%, กลุ่มนักเรียน นักศึกษา15-20 ปี 30-35% และที่เหลือ คือ กลุ่มยัง 20-29 ปี และกลุ่ม 30 ปีขึ้นไป รวมกัน
ล่าสุด บริษัทได้วางงบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท นำเรื่องของสปอร์ตมาเก็ตติ้ง เปิดตัวโครงการ “เคเอฟซี เซเว่น ชู๊ต” เป็นการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 7 คน จับกลุ่มเด็กอายุ 12-15ปี จัดการแข่งขันตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ คาดว่า จะมีผู้เข้าร่วมราว 500 ทีม เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.-30 มิ.ย.2552 ที่ร้านเคเอฟซีทุกสาขา และเริ่มแข่งขันตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.-10 ต.ค.2552 ทีมชนะเลิศจะได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลกับเยาวชนทีมชาติสิงคโปร์
“โครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างแบรนด์ในระยะยาว อีกทั้งยังทำให้เคเอฟซีได้ใกล้ชิดกับลูกค้าตั้งแต่ระดับล่างขึ้นไปจนถึงระดับบน เพราะได้ร่วมกิจกรรมกับคนในชุมชนทั่วประเทศ มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้สิ้นปีนี้ เคเอฟซีจะมีการเติบโตที่ 25% ตามแผนที่วางไว้” นางแววคนีย์ กล่าวในที่สุด
นางแววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด-เคเอฟซี บริษัท ยัม เรสเตอรองสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการช่วงไตรมาสหนึ่งที่ผ่านมา โตกว่า 10% เป็นตัวเลขที่เป็นไปตามเป้า โดยสาเหตุของการเติบโต น่าจะมาจากสาขาใหม่เป็นหลัก และการออกเมนูใหม่เน้นเรื่องความคุ้มค่าคุ้มราคา ตอบโจทย์ผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะเดียวกัน3เดือนที่ผ่านมา ยังสามารถขยายสาขาเพิ่มได้อีก 22 สาขา รวมเป็น 375 สาขาในปัจจุบัน ภายในสิ้นปี ยังมั่นใจว่า จะเดินหน้าขยายสาขาให้ครบ 450 สาขาตามแผนที่วางไว้ได้
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาสสองนี้ ถือว่าค่อนโชคดี เพราะมีอานิสงส์เข้าช่วยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องของ การออกเมนูใหม่ ข้าวยำไก่ซี้ด และเรื่องของไข้หวัด ที่ทำให้ลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารที่เคเอฟซีมากขึ้น โดยเมื่อเทียบยอดขายเดือนพ.ค.นี้ เชื่อว่าจะสูงกว่าพ.ค.ในปีก่อนราว 15% (เป็นการเติบโตจากสาขาเดิมทั้งหมด) ถึงแม้ว่ายอดการจับจ่ายต่อบิลต่อครั้งจะลดลงจากเดิมราว 5% ก็ตาม เพราะเคเอฟซี ได้นำเสนอเมนูใหม่ที่คุ้มค่าคุ้มราคา
นางแววคนีย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ความสำเร็จของยอดขายส่วนหนึ่ง มาจากการที่บริษัทได้มีการจัดกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการใหม่ จากเดิมที่แยกเป้นกลุ่มอายุ มาเป็นการแยกจากไลฟ์สไตล์ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถทำการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้าที่แบ่งครั้งนี้ จัดได้เป็นกลุ่มครอบครัวและเด็กเล็กอายุ ต่ำกว่า 14 ปีลงมา มีสัดส่วนกว่า 36%, กลุ่มนักเรียน นักศึกษา15-20 ปี 30-35% และที่เหลือ คือ กลุ่มยัง 20-29 ปี และกลุ่ม 30 ปีขึ้นไป รวมกัน
ล่าสุด บริษัทได้วางงบการตลาดกว่า 10 ล้านบาท นำเรื่องของสปอร์ตมาเก็ตติ้ง เปิดตัวโครงการ “เคเอฟซี เซเว่น ชู๊ต” เป็นการแข่งขันฟุตบอลเยาวชน 7 คน จับกลุ่มเด็กอายุ 12-15ปี จัดการแข่งขันตั้งแต่ระดับชุมชนไปจนถึงระดับประเทศ คาดว่า จะมีผู้เข้าร่วมราว 500 ทีม เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.-30 มิ.ย.2552 ที่ร้านเคเอฟซีทุกสาขา และเริ่มแข่งขันตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.-10 ต.ค.2552 ทีมชนะเลิศจะได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลกับเยาวชนทีมชาติสิงคโปร์
“โครงการนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างแบรนด์ในระยะยาว อีกทั้งยังทำให้เคเอฟซีได้ใกล้ชิดกับลูกค้าตั้งแต่ระดับล่างขึ้นไปจนถึงระดับบน เพราะได้ร่วมกิจกรรมกับคนในชุมชนทั่วประเทศ มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้สิ้นปีนี้ เคเอฟซีจะมีการเติบโตที่ 25% ตามแผนที่วางไว้” นางแววคนีย์ กล่าวในที่สุด