“แมทช์บอกซ์” เปิดแผนรุกปี 2552 ชูกลยุทธ์ไอเอ็มซีหัวหอกหลัก รับกระแสวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทดแทนการใช้แมสมีเดียมาร์เก็ตติ้ง เชื่อ IMC ตอบโจทย์การตลาดได้แม่นยำ มั่นใจสิ้นปีนี้โกยยอดบิลลิ่ง 400 กว่าล้านบาทเติบโต 10%
นางสาววรวรรณ เปรมสุข Executive Business Director บริษัท แมทช์บอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2552 นี้ บริษัทฯมีแผนงานที่จะรุกตลาดด้วยการให้ความสำคัญกับการใช้กลยุทธ์ด้วยเครื่องมือ ไอเอ็มซี มากขึ้น (การตลาดผสมผสาน หรือ อินติเกรตเต็ด มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่น) เข้ามาทดแทนจากเดิมที่เน้นการใช้กลยุทธ์ แมสมีเดียมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าจำนวนมากที่ต้องการใช้กลยุทธ์ไอเอ็มซีในการทำตลาดสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้น
ขณะนี้บริษัทฯได้ปรับแผนแล้วและได้นำเสนอ โปรแกรม CRM, CEM, CSR, Launching, Promotion & Sponsorship เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์การสื่อสารการตลาดในยุคเศรษฐกิจขาลง โดยที่ผ่านมาก็มีลูกค้าที่ใช้บริการ IMC มากกว่า 10 บริษัทชั้นนำของประเทศ เช่น เอไอเอส, การบินไทย, ปตท., บสท. เป็นต้น
สำหรับในปีนี้มีลูกค้าอีกประมาณ 3-4 รายที่อยู่ระหว่างการนำเสนอโปรไฟล์เพื่อจัดจ้างเป็นที่ปรึกษาด้านวางแผนกลยุทธ์ IMC และใช้บริการด้านการประชาสัมพันธ์ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ภาพรวมของการสื่อสารการตลาดไอเอ็มซีในปัจจุบัน ได้รับการยอมรับว่าเป็นทางเลือกในการสร้างแบรนด์และสร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี เพราะว่าลงทุนใม่มากใช้งบประมาณไม่สูง แต่ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ และสื่อสารตรงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า จากข้อดีนี้จึงทำให้ตลาดไอเอ็มซี มีแนวโน้มเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจที่ซบเซาลง
โดยจากการแผนการรุกตลาดไอเอ็มซีมากขึ้นในปีนี้ คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดบิลลิ่งไว้ที่ 400 กว่าล้านบาท เติบโตประมาณ 10% จากปีที่แล้วที่มียอดบิลลิ่งประมาณ 400 ล้านบาท
การทำตลาดวันนี้แตกต่างไปจากอดีต คือ การสื่อสารการตลาดแบบ Mass Marketing จนกระทั่งเข้าสู่ยุค Niche Marketing วันนี้ ก้าวมาถึงยุคของการทำ Customization หมายถึง การทำตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ผู้ประกอบการจะนำมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงเวลานี้ ซึ่งจะเน้นการทำโปรโมชัน มากขึ้น เป็นกลยุทธ์ที่สินค้าทุกประเภทนำมาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจคอนซูเมอร์โปรดักต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีวันหมดอายุ หรือshelf life เพราะวิธีนี้จะช่วยบริหารการค้างสต๊อกสินค้าให้ออกไปได้รวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ได้กระแสเงินสดกลับมาทันที
อีกทั้งสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในปี 2552 นี้ และแนวโน้มยังหดตัวต่อเนื่องไปอีกหลายปี หลายบริษัทชั้นนำเริ่มประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด การใช้งบโฆษณาผ่านสื่อปีละนับหลายร้อยล้านพันล้านต้องถูกหั่นลง และหันไปใช้เครื่องมือและกลยุทธ์สื่อสารการตลาด ไอเอ็มซ๊ทดแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันมีแนวโน้มความต้องการบริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เป็นมืออาชีพมีความชำนาญและเข้าใจการรุกตลาดในสถานการณ์เศรษฐกิจขาลง โดยเฉพาะบริษัทที่มีโซลูชั่นและบริการด้านไอเอ็มซีได้ครบวงจร จะได้รับกระแสตอบรับมากยิ่งขึ้น นักการตลาดในบริษัทชั้นนำหลายแห่งเชื่อมั่นว่า IMC ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์การสื่อสารการตลาดได้
นางสาววรวรรณ เปรมสุข Executive Business Director บริษัท แมทช์บอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2552 นี้ บริษัทฯมีแผนงานที่จะรุกตลาดด้วยการให้ความสำคัญกับการใช้กลยุทธ์ด้วยเครื่องมือ ไอเอ็มซี มากขึ้น (การตลาดผสมผสาน หรือ อินติเกรตเต็ด มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่น) เข้ามาทดแทนจากเดิมที่เน้นการใช้กลยุทธ์ แมสมีเดียมาร์เก็ตติ้ง ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าจำนวนมากที่ต้องการใช้กลยุทธ์ไอเอ็มซีในการทำตลาดสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้น
ขณะนี้บริษัทฯได้ปรับแผนแล้วและได้นำเสนอ โปรแกรม CRM, CEM, CSR, Launching, Promotion & Sponsorship เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์การสื่อสารการตลาดในยุคเศรษฐกิจขาลง โดยที่ผ่านมาก็มีลูกค้าที่ใช้บริการ IMC มากกว่า 10 บริษัทชั้นนำของประเทศ เช่น เอไอเอส, การบินไทย, ปตท., บสท. เป็นต้น
สำหรับในปีนี้มีลูกค้าอีกประมาณ 3-4 รายที่อยู่ระหว่างการนำเสนอโปรไฟล์เพื่อจัดจ้างเป็นที่ปรึกษาด้านวางแผนกลยุทธ์ IMC และใช้บริการด้านการประชาสัมพันธ์ คาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ภาพรวมของการสื่อสารการตลาดไอเอ็มซีในปัจจุบัน ได้รับการยอมรับว่าเป็นทางเลือกในการสร้างแบรนด์และสร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี เพราะว่าลงทุนใม่มากใช้งบประมาณไม่สูง แต่ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ และสื่อสารตรงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า จากข้อดีนี้จึงทำให้ตลาดไอเอ็มซี มีแนวโน้มเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจที่ซบเซาลง
โดยจากการแผนการรุกตลาดไอเอ็มซีมากขึ้นในปีนี้ คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดบิลลิ่งไว้ที่ 400 กว่าล้านบาท เติบโตประมาณ 10% จากปีที่แล้วที่มียอดบิลลิ่งประมาณ 400 ล้านบาท
การทำตลาดวันนี้แตกต่างไปจากอดีต คือ การสื่อสารการตลาดแบบ Mass Marketing จนกระทั่งเข้าสู่ยุค Niche Marketing วันนี้ ก้าวมาถึงยุคของการทำ Customization หมายถึง การทำตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ผู้ประกอบการจะนำมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงเวลานี้ ซึ่งจะเน้นการทำโปรโมชัน มากขึ้น เป็นกลยุทธ์ที่สินค้าทุกประเภทนำมาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจคอนซูเมอร์โปรดักต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีวันหมดอายุ หรือshelf life เพราะวิธีนี้จะช่วยบริหารการค้างสต๊อกสินค้าให้ออกไปได้รวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ได้กระแสเงินสดกลับมาทันที
อีกทั้งสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในปี 2552 นี้ และแนวโน้มยังหดตัวต่อเนื่องไปอีกหลายปี หลายบริษัทชั้นนำเริ่มประหยัดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด การใช้งบโฆษณาผ่านสื่อปีละนับหลายร้อยล้านพันล้านต้องถูกหั่นลง และหันไปใช้เครื่องมือและกลยุทธ์สื่อสารการตลาด ไอเอ็มซ๊ทดแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจุบันมีแนวโน้มความต้องการบริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เป็นมืออาชีพมีความชำนาญและเข้าใจการรุกตลาดในสถานการณ์เศรษฐกิจขาลง โดยเฉพาะบริษัทที่มีโซลูชั่นและบริการด้านไอเอ็มซีได้ครบวงจร จะได้รับกระแสตอบรับมากยิ่งขึ้น นักการตลาดในบริษัทชั้นนำหลายแห่งเชื่อมั่นว่า IMC ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์การสื่อสารการตลาดได้