พาณิชย์” เผยอาเซียน+3 และอาเซียน +6 เตรียมหารือความคืบหน้าจัดตั้งเขตการค้าเสรีขนาดใหญ่ในการประชุมผู้นำ 9-12 เม.ย.นี้ ที่พัทยา หวังขยายความร่วมมือด้านการค้า และการลงทุนให้มีมากขึ้น
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 9-12 เม.ย. นี้ ที่พัทยา ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับผู้นำของประเทศคู่เจรจาต่างๆ ที่อาเซียนได้มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจอยู่ ภายใต้กรอบอาเซียน +3 ได้แก่ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และอาเซียน +6 ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย โดยจะมีการหารือกันทั้งประเด็นด้านการค้า การลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่างๆ และการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้
โดยประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะมีการหารือกันในกรอบของอาเซียน+3 นั้น จะมีการพิจารณาความคืบหน้าในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีในเอเชียตะวันออก (East Asia Free Trade Area - EAFTA) ซึ่งขณะนี้การศึกษาอยู่ในระยะที่ 2 ที่ได้มีการศึกษาในเชิงลึกถึงผลกระทบของการจัดตั้งเขตการค้าเสรีที่จะมีต่อสาขาการผลิตที่สำคัญๆ โดยได้มีการจัดลำดับความสำคัญของภาคสาขาการผลิตหลักและสาขาทีมีความอ่อนไหว เช่น เกษตร อุตสาหกรรมรถยนต์ และประเด็นความร่วมมือในด้านแหล่งกำเนิดสินค้า การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและบริการ รวมไปถึงผลกระทบต่อภาคบริการและการลงทุน
ทั้งนี้ ผลการศึกษาจะแล้วเสร็จและเสนอให้ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 41 และที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน +3 ในเดือนส.ค. 2552 นี้ พิจารณาอีกครั้ง ส่วนในกรอบอาเซียน +6 จะมีการเสนอผลการศึกษาความคืบหน้าในการจัดทำความตกลงการค้าเสรีในกรอบอาเซียน+6 (Comprehensive Economic Partnership for East Asia - CEPEA) ที่ครอบคลุมเรื่องการเปิดตลาดการค้าสินค้า/บริการ/ลงทุน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน และการขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น เกษตร อุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ สิ่งแวดล้อม และผลการศึกษาความตกลงที่อาเซียนได้ทำกับแต่ละคู่เจรจา (ASEAN +1) ให้ที่ประชุมผู้นำอาเซียนรับทราบ ก่อนที่จะสรุปผลการศึกษาและนำเสนอที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในเดือนส.ค.นี้ต่อไปเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันอาเซียนได้มีข้อตกลงการค้าเสรีสำเร็จไปแล้วในลักษณะ ASEAN +1 คือ กับจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และใกล้จะสำเร็จกับอินเดีย
"จากนี้ไปอาเซียนจะขยายการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจร่วมกันกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีในกรอบของ EAFTA ก่อน หรือจะทำเป็นข้อตกลงการค้าเสรีของ 16 ประเทศในกรอบ CEPEA นั้น คงจะต้องรอผลการศึกษาที่จะส่งให้ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนพิจารณาและตัดสินใจในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น EAFTA หรือ CEPEA ก็เชื่อว่าจะนำไปสู่การขยายเครือข่ายของอาเซียนกับประเทศภายนอกภูมิภาคและขยายโอกาสด้านการค้าและการลงทุนสำหรับอาเซียน ซึ่งเป็นเป้าประสงค์หนึ่งของการปรับตัวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC (ASEAN Economic Community) ในปี 2558"นางสาวชุติมากล่าว
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 9-12 เม.ย. นี้ ที่พัทยา ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนกับผู้นำของประเทศคู่เจรจาต่างๆ ที่อาเซียนได้มีความร่วมมือทางเศรษฐกิจอยู่ ภายใต้กรอบอาเซียน +3 ได้แก่ จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และอาเซียน +6 ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย โดยจะมีการหารือกันทั้งประเด็นด้านการค้า การลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่างๆ และการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้
โดยประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะมีการหารือกันในกรอบของอาเซียน+3 นั้น จะมีการพิจารณาความคืบหน้าในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีในเอเชียตะวันออก (East Asia Free Trade Area - EAFTA) ซึ่งขณะนี้การศึกษาอยู่ในระยะที่ 2 ที่ได้มีการศึกษาในเชิงลึกถึงผลกระทบของการจัดตั้งเขตการค้าเสรีที่จะมีต่อสาขาการผลิตที่สำคัญๆ โดยได้มีการจัดลำดับความสำคัญของภาคสาขาการผลิตหลักและสาขาทีมีความอ่อนไหว เช่น เกษตร อุตสาหกรรมรถยนต์ และประเด็นความร่วมมือในด้านแหล่งกำเนิดสินค้า การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและบริการ รวมไปถึงผลกระทบต่อภาคบริการและการลงทุน
ทั้งนี้ ผลการศึกษาจะแล้วเสร็จและเสนอให้ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 41 และที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน +3 ในเดือนส.ค. 2552 นี้ พิจารณาอีกครั้ง ส่วนในกรอบอาเซียน +6 จะมีการเสนอผลการศึกษาความคืบหน้าในการจัดทำความตกลงการค้าเสรีในกรอบอาเซียน+6 (Comprehensive Economic Partnership for East Asia - CEPEA) ที่ครอบคลุมเรื่องการเปิดตลาดการค้าสินค้า/บริการ/ลงทุน การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน และการขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น เกษตร อุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ สิ่งแวดล้อม และผลการศึกษาความตกลงที่อาเซียนได้ทำกับแต่ละคู่เจรจา (ASEAN +1) ให้ที่ประชุมผู้นำอาเซียนรับทราบ ก่อนที่จะสรุปผลการศึกษาและนำเสนอที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนในเดือนส.ค.นี้ต่อไปเช่นเดียวกัน
ปัจจุบันอาเซียนได้มีข้อตกลงการค้าเสรีสำเร็จไปแล้วในลักษณะ ASEAN +1 คือ กับจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ และใกล้จะสำเร็จกับอินเดีย
"จากนี้ไปอาเซียนจะขยายการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจร่วมกันกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีในกรอบของ EAFTA ก่อน หรือจะทำเป็นข้อตกลงการค้าเสรีของ 16 ประเทศในกรอบ CEPEA นั้น คงจะต้องรอผลการศึกษาที่จะส่งให้ที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนพิจารณาและตัดสินใจในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็น EAFTA หรือ CEPEA ก็เชื่อว่าจะนำไปสู่การขยายเครือข่ายของอาเซียนกับประเทศภายนอกภูมิภาคและขยายโอกาสด้านการค้าและการลงทุนสำหรับอาเซียน ซึ่งเป็นเป้าประสงค์หนึ่งของการปรับตัวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC (ASEAN Economic Community) ในปี 2558"นางสาวชุติมากล่าว
