ททท.เปิดแผนบุกตลาดจีนจับนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ มุ่งทัวร์คุณภาพ พร้อมจับมือทัวร์จีนจัดชาร์เตอร์ไฟลต์มาไทยช่วงสงกรานต์และวันแรงงาน หวังโกยนักท่องเที่ยวได้กว่า 2 แสนคนสร้างรายได้ 1,000 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปีต้องถึงฝั่ง 1.1 ล้านคนตามเป้า
นายสรรเสริญ เงารังษี ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก เปิดเผยว่า ได้วางแผนเชิงรุกในการที่จะกระตุ้นนักท่องเที่ยวจากตลาดจีนให้เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงโลว์ซีซั่นนี้เป็นต้นไป ใช้งบประมาณรวม 15 ล้านบาท แบ่งเป็น 7 ล้านบาท จากงบประจำปี ใช้กระตุ้นตลาดช่วงสงกรานต์ และวันแรงงาน (เมย์เดย์) โดย ททท.จะให้เงินช่วยเหลือเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์แก่บริษัทนำเที่ยวของจีนที่ต้องการจัดทริปมาเที่ยวประเทศไทยด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือ ชาร์เตอร์ไฟลต์ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ อย่าง เซี่ยงไฮ และ ปักกิ่ง เพื่อตอกย้ำประเทศไทยให้อยู่ในใจของชาวจีนที่จะเลือกมาเที่ยว
โครงการนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มชาร์เตอร์ไฟลต์ในช่วงเทศกาลวันหยุดให้มีจำนวนไม่น้อยกว่าเทศกาลละ 70 เที่ยว จากขณะนี้ที่คาดว่าจะมีเพียง 40-50 เที่ยวเท่านั้น สาเหตุเพราะชาวจีนก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ
“ตรุษจีนที่ผ่านมา มีชาวจีนเข้ามาเที่ยวประเทศไทยราว 4-5 หมื่นคน จากทุกปีจะมาถึง 1 แสนคน สาเหตุเพราะการเมืองในประเทศไทย และภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหากกลยุทธ์ที่กล่าวมาบวกกับมาตรการยกเลิกเก็บค่าวีซ่าในช่วง 3 เดือนนี้ ใช้ได้ผล จะทำให้ทุกๆ เทศกาลสำคัญจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยได้ถึง 1 แสนคน เริ่มจากเทศกาลสงกรานต์ และ เมย์เดย์ ปีนี้ ที่คาดว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนมาเดินทางมาช่วงละ 1 แสนคน เกิดรายได้เข้าประเทศช่วงละไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท จากวันพักเฉลี่ย 3-4 วัน และเมื่อถึงสิ้นปีจะให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาประเทศไทยเป็นจำนวนรวม 1.1 ล้านคน จากปีก่อนที่มีประมาณ 9 แสนคน ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.2 ล้านคน”
ส่วนอีก 8 ล้านบาท จะเป็นเงินจากงบกลางปีกระตุ้นท่องเที่ยว ที่ ททท.ได้รับจัดสรรมาทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้รับจัดสรรมา 19 ล้านบาท เงิน 8 ล้านบาทดังกล่าวจะดึงมาใช้วางแผนจัดทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้น และจัดพาเอกชนออกเดินสายโรดโชว์นอกฤดูกาล เน้นในเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ และ ปักกิ่ง นำสินค้าทางการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆไปนำเสนอ และพบปะกับผู้ประกอบการจีนชี้แจงถึงสถานการณ์เมืองไทยให้เขาได้ฟัง เพื่ออัพเดทข้อมูลข่าวสาร กำหนดจะเดินทางในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเร็วกว่าทุกปีที่จะจัดในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ เพราะต้องการให้ทันกระตุ้นตลาดดึงนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางเข้ามาในช่วงโลว์ซีซันปีนี้
ล่าสุด เตรียมเชิญเอกชนที่เป็นสมาชิกแอตต้า และ บริษัทนำเที่ยวจากจีน รวม 600 ราย มาหารือในวันที่ 21-23 เม.ย. ถึงมาตรการที่รัฐบาลจีนได้ออกกฎระเบียบควบคุมบริษัทนำเที่ยวของรัฐ หรือ สเตท ออเดอร์ รวม 58 ข้อ ซึ่งลงนามโดย นาย เวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน เพราะต้องการใช้เป็นกฎบังคับให้บริษัทนำเที่ยวต้องยกระดับสินค้าท่องเที่ยว จัดทำทัวร์คุณภาพ ไม่บังคับซื้อทัวร์เพิ่มเติม (ออปชัน) เมื่อไปถึงที่หมาย โดยการหารือ จะทำความเข้าใจให้ตรงกัน จะได้จัดทัวร์คุณภาพเท่านั้น
นอกจากนั้น จะเซ็น MOU กับมนฑลยูนนาน โปรโมตเส้นทางรถยนต์ R3A ส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันในเส้นทางดังกล่าว โดยจัดทำเป็นแผนที่แหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ตลอดสองฝั่งทาง ถึงเชียงราย และเตรียมยื่นหนังสือถึง รมว.กระทรวงท่องเที่ยวฯ และปลัดกระทรวง ขอทบทวนให้เปิดศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง หลังจากที่ศูนย์ดังกล่าวปิดตัวไปประมาณ 1 ปี เพราะเห็นว่า ศูนย์ดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนมา โดยจะโอนให้ตำรวจท่องเที่ยวเป็นผู้ดูแลก็ได้
นายสรรเสริญ เงารังษี ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก เปิดเผยว่า ได้วางแผนเชิงรุกในการที่จะกระตุ้นนักท่องเที่ยวจากตลาดจีนให้เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงโลว์ซีซั่นนี้เป็นต้นไป ใช้งบประมาณรวม 15 ล้านบาท แบ่งเป็น 7 ล้านบาท จากงบประจำปี ใช้กระตุ้นตลาดช่วงสงกรานต์ และวันแรงงาน (เมย์เดย์) โดย ททท.จะให้เงินช่วยเหลือเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์แก่บริษัทนำเที่ยวของจีนที่ต้องการจัดทริปมาเที่ยวประเทศไทยด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือ ชาร์เตอร์ไฟลต์ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ อย่าง เซี่ยงไฮ และ ปักกิ่ง เพื่อตอกย้ำประเทศไทยให้อยู่ในใจของชาวจีนที่จะเลือกมาเที่ยว
โครงการนี้ตั้งเป้าจะเพิ่มชาร์เตอร์ไฟลต์ในช่วงเทศกาลวันหยุดให้มีจำนวนไม่น้อยกว่าเทศกาลละ 70 เที่ยว จากขณะนี้ที่คาดว่าจะมีเพียง 40-50 เที่ยวเท่านั้น สาเหตุเพราะชาวจีนก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ
“ตรุษจีนที่ผ่านมา มีชาวจีนเข้ามาเที่ยวประเทศไทยราว 4-5 หมื่นคน จากทุกปีจะมาถึง 1 แสนคน สาเหตุเพราะการเมืองในประเทศไทย และภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหากกลยุทธ์ที่กล่าวมาบวกกับมาตรการยกเลิกเก็บค่าวีซ่าในช่วง 3 เดือนนี้ ใช้ได้ผล จะทำให้ทุกๆ เทศกาลสำคัญจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทยได้ถึง 1 แสนคน เริ่มจากเทศกาลสงกรานต์ และ เมย์เดย์ ปีนี้ ที่คาดว่าตลาดนักท่องเที่ยวจีนมาเดินทางมาช่วงละ 1 แสนคน เกิดรายได้เข้าประเทศช่วงละไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท จากวันพักเฉลี่ย 3-4 วัน และเมื่อถึงสิ้นปีจะให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาประเทศไทยเป็นจำนวนรวม 1.1 ล้านคน จากปีก่อนที่มีประมาณ 9 แสนคน ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.2 ล้านคน”
ส่วนอีก 8 ล้านบาท จะเป็นเงินจากงบกลางปีกระตุ้นท่องเที่ยว ที่ ททท.ได้รับจัดสรรมาทั้งสิ้น 1,000 ล้านบาท โดยภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้รับจัดสรรมา 19 ล้านบาท เงิน 8 ล้านบาทดังกล่าวจะดึงมาใช้วางแผนจัดทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้น และจัดพาเอกชนออกเดินสายโรดโชว์นอกฤดูกาล เน้นในเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ และ ปักกิ่ง นำสินค้าทางการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆไปนำเสนอ และพบปะกับผู้ประกอบการจีนชี้แจงถึงสถานการณ์เมืองไทยให้เขาได้ฟัง เพื่ออัพเดทข้อมูลข่าวสาร กำหนดจะเดินทางในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเร็วกว่าทุกปีที่จะจัดในเดือนสิงหาคม ทั้งนี้ เพราะต้องการให้ทันกระตุ้นตลาดดึงนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางเข้ามาในช่วงโลว์ซีซันปีนี้
ล่าสุด เตรียมเชิญเอกชนที่เป็นสมาชิกแอตต้า และ บริษัทนำเที่ยวจากจีน รวม 600 ราย มาหารือในวันที่ 21-23 เม.ย. ถึงมาตรการที่รัฐบาลจีนได้ออกกฎระเบียบควบคุมบริษัทนำเที่ยวของรัฐ หรือ สเตท ออเดอร์ รวม 58 ข้อ ซึ่งลงนามโดย นาย เวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน เพราะต้องการใช้เป็นกฎบังคับให้บริษัทนำเที่ยวต้องยกระดับสินค้าท่องเที่ยว จัดทำทัวร์คุณภาพ ไม่บังคับซื้อทัวร์เพิ่มเติม (ออปชัน) เมื่อไปถึงที่หมาย โดยการหารือ จะทำความเข้าใจให้ตรงกัน จะได้จัดทัวร์คุณภาพเท่านั้น
นอกจากนั้น จะเซ็น MOU กับมนฑลยูนนาน โปรโมตเส้นทางรถยนต์ R3A ส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันในเส้นทางดังกล่าว โดยจัดทำเป็นแผนที่แหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ตลอดสองฝั่งทาง ถึงเชียงราย และเตรียมยื่นหนังสือถึง รมว.กระทรวงท่องเที่ยวฯ และปลัดกระทรวง ขอทบทวนให้เปิดศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบินสุวรรณภูมิอีกครั้ง หลังจากที่ศูนย์ดังกล่าวปิดตัวไปประมาณ 1 ปี เพราะเห็นว่า ศูนย์ดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนมา โดยจะโอนให้ตำรวจท่องเที่ยวเป็นผู้ดูแลก็ได้