xs
xsm
sm
md
lg

รัฐทุ่ม 3.6 หมื่นล้าน จำนำข้าวนาปรัง 2.5 ล้านตัน เริ่ม 16 มี.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รมว.พาณิชย์ เผยมติ กขช.อนุมัติให้รับจำนำข้าวนาปรัง ในปี 52 จำนวน 2.5 ล้านตัน ในราคาตันละ 11,800 บาท ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 9,000 บาท โดยใช้วงเงิน 36,000 ล้านบาท เริ่ม 16 มี.ค.นี้

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เห็นชอบให้กำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปรังประจำปี 2552 โดยข้าวเปลือกเจ้าประเภท 5% ตันละ 11,800 บาท ส่วนข้าวเปลือกเหนียวตันละ 9,000 บาท เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2552 ถึงวันนี้ 31 กรกฎาคม 2552 นี้ รวม 2.5 ล้านตัน ใช้วงเงินรับจำนำ 36,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินเดิมจากวงเงินแทรกแซงราคาพืชผลเกษตรกว่า 100,000 ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไว้

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กขช.ได้หารือถึงราคารับจำนำที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้รับจำนำข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 12,000 บาทกัน อย่างกว้างขวาง และเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าต้องไม่เกินไปจากวงเงินเดิมในปีที่แล้ว เนื่องจากข้าวเปลือกนาปรังเป็นการทำนาที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ขณะเดียวกันผลผลิตไม่ได้ลดลงจากปีก่อนถึงร้อยละ 50 ตามที่มีการกล่าวอ้าง และราคาจำนำที่ตันละ 12,000 บาท จะทำให้เกษตรกรมีกำไรมากถึงร้อยละ 70

นางพรทิวา กล่าวอีกว่า กขช.ยังหารือถึงการนำระบบการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า หรือเอเฟท เข้ามาดำเนินการควบคู่กับการประกันราคาสินค้าเกษตร จะทำให้เกษตรกรได้รับราคาสินค้าที่เป็นธรรมและเป็นไปตามกลไกตลาดอย่างแท้จริง โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลมีนโยบายที่จะนำข้าวเปลือกเจ้าเข้าสู่ตลาดเอเฟท แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะหารือร่วมกับกระทรวงการคลังเกี่ยวกับรายละเอียดก่อนตัดสินใจให้ชัดเจนต่อไปว่า จะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างไร และควรมอบหมายให้หน่วยงานใดเป็นผู้ดูแล ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์เห็นว่า การให้ผู้ที่มีหน้าที่ด้านการตลาดที่อยู่กับราคาสินค้าเกษตรทุกวันอยู่แล้วเป็นผู้ดูแลน่าจะเหมาะสมกว่า แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับระดับนโยบายด้วย

ส่วนปัญหาการสวมสิทธิ์จำนำข้าวเปลือกของชาวนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเกษตรกรที่เป็นฝ่ายเสนอว่า ต้องขึ้นบัญชีดำรายที่ตรวจพบทั้งเกษตรกรและโรงสี โดยห้ามร่วมโครงการรับจำนำอีกเด็ดขาด ขณะที่การระบายข้าวจะเร่งทำข้อมูลให้ละเอียดเพื่อเสนอต่อ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี โดยเร็วต่อไป โดยเฉพาะประเด็นที่ต้องการให้มีการส่งออกเพียงอย่างเดียว เพื่อไม่ให้พ่อค้ารอคอยซื้อของราคาถูกจากรัฐบาลอีก

สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดแห่งชาตินัดแรก เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (13 มี.ค.) ที่ประชุมมีมติให้จัดตั้งคณะอนุกรรมการศึกษาการแก้ไขปัญหาด้านการผลิตและคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาด้านการกำหนดราคา เพื่อให้สินค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้รับการดูแลแบบครบวงจร ตั้งแต่การผลิตไปจนถึงการจำหน่ายอย่างมีศักยภาพ รวมทั้งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาถึงแนวทางการระบายสตอกอย่างละเอียดใน 3 แนวทาง คือ การส่งออกในลักษณะจีทูจี หรือรัฐต่อรัฐ การขายให้กับภาคเอกชนในต่างประเทศ และการขายให้กับผู้ใช้ในประเทศบางส่วน
กำลังโหลดความคิดเห็น