“พรทิวา” ถกเคาะราคารับจำนำข้าวนาปรัง 52 จี้สรุปในวันนี้ “ส่งออก-โรงสี” ยันราคาตันละ 1.1 หมื่น เตรียมชง กขช.อนุมัติ สัปดาห์หน้า ขณะที่ “สมาคมชาวนา” ขีดเส้นตายที่ 1.3 หมื่น หากมติออกมาต่ำกว่า 1.2 หมื่น อาจมีการนัดชุมนุมประท้วงรัฐบาล
นางพรทิวา นาคาศัย กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการรับจำนำข้าวในปี 2552 โดยระบุว่า ตนเองได้มอบหมายให้คณะทำงานไปพิจารณาถึงความเหมาะสมของระดับราคารับจำนำข้าวนาปรังปี 2552 ที่จะเริ่มเปิดโครงการรับจำนำในวันที่ 15 มีนาคม 2552 นี้ โดยให้นำข้อสรุปกลับมารายงานตนเอง ภายในวันนี้
ทั้งนี้ คณะทำงานต้องพิจารณาหาข้อสรุปถึงข้อดี-ข้อเสีย ของการกำหนดราคาจำนำในแต่ละระดับว่าเป็นอย่างไร โดยมีช่วงราคาระหว่าง 10,000-13,000 บาทต่อตัน ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กำหนดปริมาณรับจำนำไว้ที่ 2.5 ล้านตัน และหลังจากได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวแล้วตนเองจะเสนอให้ที่ประชุม กขช.ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในต้นสัปดาห์หน้า
โดยวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ มีการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ที่มี นางพรทิวา เป็นประธาน เพื่อกำหนดราคารับจำนำที่กระทรวงพาณิชย์นำเสนอไว้ 4 ระดับ ตั้งแต่ตันละ 9,500 บาท ถึง 12,000 บาท สำหรับข้าวเจ้า และ 15,000 บาท สำหรับข้าวหอมมะลิ และเตรียมความพร้อมในการขบวนการเปิดรับจำนำ ก่อนเสนอขอความเห็นชอบต่อ กขช.
มีรายงานเพิ่มเติมว่า กลุ่มผู้ส่งออกและโรงสี ได้เสนอต่อคณะอนุกรรมการข้าวฯ โดยต้องการให้มีการกำหนดราคารับจำนำไว้ไม่เกิน 11,000 บาทต่อตัน เพราะกำลังประสบปัญหาการส่งออกอย่างหนัก เนื่องจากประเทศคู่ค้าประสบปัญหาวิกฤตทำให้สั่งซื้อน้อยลง ขณะที่ปัญหาราคาข้าวสูง เป็นผลมาจากนโยบายของรัฐบาลชุดก่อนที่มี นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็น รมว.พาณิชย์ ซึ่งกำหนดนโยบายให้ข้าวอยู่ในระดับสูง และไม่ให้นำออกขายจนกว่าจะได้ราคาตันละ 14,000 บาท
โดยช่วงเช้าวันนี้ นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย เปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กขช.และ นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลประกาศราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ที่จะเริ่มเปิดโครงการวันที่ 16 มีนาคม 2552 นี้ ในราคาตันละ 13,000 บาทสำหรับข้าวขาว และราคาตันละ 13,500 บาท สำหรับข้าวปทุมธานี
เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนหลังจากที่คาดว่าผลผลิตข้าวปีนี้จะลดลงจากปัญหาภัยหนาวที่ยาวนาน และทำให้ข้าวไม่ออกรวง ซึ่งหากรัฐบาลประกาศราคารับจำนำต่ำกว่านั้นจะทำให้เกษตรกรขาดทุน เพราะผลผลิตข้าวต่อไร่ลดลงเหลือเพียงไร่ละ 4 ตัน จากปีก่อนที่มีผลผลิตไร่ละ 8-9 ตัน
พร้อมกันนี้ ได้ขอให้มีผู้แทนจากสมาคมชาวนาเข้าร่วมประชุมการพิจารณาโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ทุกครั้ง เพราะเกี่ยวข้องกับเกษตรกรโดยตรง และขอให้มีการแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารทุก 7 วัน เพื่อไม่ให้ข้าวเต็มโรงสี ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้เกษตรกรต้องนำข้าวไปขายพ่อค้าคนกลางและถูกตัดราคาได้
นายประสิทธิ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลยังประกาศราคารับจำนำต่ำและทำให้ชาวนาขาดทุน ก็อาจมีการรวมตัวเรียกร้องเรื่องราคา ซึ่งจะทำให้นายกรัฐมนตรีต้องออกมาแก้ไขปัญหาม็อบเกษตรกรอีกครั้ง
