รมว.พาณิชย์ เจรจาทวิภาคี "อินโดฯ" เปิดช่องส่งออกน้ำตาล พร้อมถก "สิงคโปร์" เพื่อวางแนวทางความร่วมมือแก้วิกฤตด้านการเงินโลก ส่วนการเจรจาข้าวกับเวียดนาม เตรียมตั้งคณะกรรมการร่วม 3 ฝ่าย เพื่อวางแนวทางการส่งออกข้าวในตลาดโลก
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือทวิภาคีกับประเทศอินโดนีเซีย โดยระบุว่า ไทยและอินโดนีเซีย เห็นพ้องที่จะจัดทำความตกลงทางการค้าระหว่างกัน โดยจะจัดทำการยกร่างความตกลง โดยยึดตามกรอบความร่วมมือ ซึ่งได้มีการพูดคุยในเบื้องต้นแล้ว และจะได้มีการเจรจาจัดทำความตกลงทางการค้าทวิภาคีให้เสร็จโดยเร็วภายในครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้หยิบยกประเด็นความร่วมมือทางด้านการประมง อาหารฮาลาล อุตสาหกรรมรถยนต์ และกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าใหม่ของประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทางประเทศอินโดนีเซีย เห็นด้วยและจะพิจารณาลดระเบียบขั้นตอนการนำเข้าสินค้า ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังได้มีการเจรจาเรื่องการส่งออกน้ำตาลของไทยด้วย
รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในส่วนของการหารือทวิภาคีกับทางรัฐมนตรีเศรษฐกิจประเทศสิงคโปร์ ไทยได้มีการพูดคุยถึงประเด็นความร่วมมือที่จะช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ซึ่งปรเด็นหลัก เป็นเรื่องการแก้ปัญหาวิกฤตการเงินของสหรัฐฯ ที่กระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน
โดยช่วงบ่ายวันนี้ รมว.พาณิชย์ จะหารือระดับทวิภาคีกับรัฐมนตรีของเวียดนาม ถึงความร่วมมือการส่งออกข้าวที่ไทยและเวียดนามเป็นประเทศค้าข้าวรายใหญ่ของโลก จึงจำเป็นต้องกำหนดราคาข้าวในตลาดโลกให้มีเสถียรภาพ
"ต้องดูว่าเวียดนามสนใจร่วมค้าข้าวกับไทยอีกหรือไม่ แต่ถ้าเวียดนามจะส่งออกข้าวราคาต่ำกว่าไทยก็ไม่ขัดข้อง เพราะข้าวเวียดนามมีน้อยกว่าไทย ซึ่งต้องให้เวียดนามขายข้าวก่อน เพราะไทยมีปริมาณข้าวค่อนข้างสูงและไม่มีนโยบายระบายข้าวในช่วงนี้"
สำหรับประเด็นความร่วมมือด้านข้าวกับเวียดนาม ไทยเตรียมเสนอให้ตั้งคณะกรรมการร่วม โดยมี รมช.พาณิชย์ทั้ง 2 ฝ่ายเป็นประธาน เพื่อหาแนวทางการพัฒนาความร่วมมือใน 3 ระดับ คือชาวนา ผู้ส่ง และรัฐมนตรี และจะขยายความร่วมมือไปยังสินค้าอื่นๆ ด้วย เช่น ผลไม้ และสินค้าอุปโภคบริโภค
นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้า กระทรวงพาณิชย์จะเชิญตัวแทนสมาคมชาวนาไทยและเกษตรกรมาประชุม สรุปราคาข้าวเปลือกนาปรัง และจะหารือกับผู้ส่งออกข้าวก่อนนำผลหารือเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพื่อกำหนดอัตราการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ด้วย
นอกจากนี้ รมว.พาณิชย์ ยังเตรียมลงนามความตกลงการค้าเสรีของอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา 2 ฉบับ ในวันนี้ โดยฉบับแรกเป็นความตกลงภายใต้กรอบอาเซียนและเกาหลีใต้ เพื่อเปิดตลาดด้านการค้าสินค้าและบริการ ซึ่งเกาหลีใต้และอาเซียนจะลอดภาษีลงร้อยละ 90 ของมูลค่านำเข้า ทั้งนี้เกาหลีใต้ถือเป็นคู่ค้าอันดับ 13 ของไทย โดยในปี 2551 ไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ รวม 3,669 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการส่งออกจะเน้นสินค้าด้านเกษตรเป็นหลัก
ในส่วนความตกลงภายใต้กรอบอาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี ที่ครอบคลุมเรื่องการค้า สินค้า บริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์จากการที่ทั้ง 2 ประเทศลดภาษีสินค้าเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ นางพรทิวา ยังได้มีการลงนามความตกลงภายใต้กรอบอาเซียนและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นความตกลงในการเปิดตลาดการค้าสินค้าและบริการ โดยทางเกาหลีใต้และอาเซียนจะลดภาษีลงร้อยละ 90 ของมูลค่านำเข้า ทั้งนี้ เกาหลีใต้ถือเป็นคู่ค้าอันดับ 13 ของไทย สำหรับในปีนี้ ไทยส่งออกสินค้าไปยังเกาหลีใต้ รวมมูลค่า 3,669 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งการส่งออกส่วนใหญ่จะเน้นไปที่สินค้าการเกษตรเป็นหลัก
ส่วนการลงนามความตกลงภายใต้กรอบอาเซียน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เป็นความตกลงเพื่อจัดตั้งเขตการค้าเสรี ที่ครอบคลุมเรื่องการค้า สินค้า บริการ การลงทุน ตลอดจนความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ ซึ่งไทยจะได้ประโยชน์จากการที่ทั้ง 2 ประเทศ ในการลดภาษีสินค้าเพิ่มขึ้น