นายกฯ ปลุกภาคเอกชนเป็นแกนขับเคลื่อน ศก. ใช้โอกาสทองเวทีอาเซียนสร้างความร่วมมือแก้วิกฤต ศก. ลดการกีดกันการค้า เชื่อมั่นประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน มั่นใจนักธุรกิจอาเซียนจับมือกันช่วยแก้วิกฤตบรรลุผล นำพาไปสู่ประชาคมอาเซียนใน 5 ปี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงาน 2008 ASEAN Business and Investment พร้อมแสดงความเชื่อมั่นให้ภาคเอกชน โดยระบุว่า ภาคเอกชนถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างกระบวนการประชาคมอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะบรรลุผลภายในปี 2015
"การประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสที่ผู้นำกับภาคเอกชน ประชาสัมคม และเยาวชน ได้ร่วมหารือกันอย่างใกล้ชิด โดยอาเซียนมีแผนแม่บทและพิมพ์เขียว ที่จะนำไปสู่ประชาคมทางด้านเศรษฐกิจ เป็นแผนงานที่มีความชัดเจน ซึ่งภาคเอกชนอาเซียน ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของภูมิภาค"
ดังนั้น รัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกอาเซียน จะร่วมกันสนับสนุนการค้า การลงทุนในธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ หรือเอสเอ็มอี โดยการประชุมรัฐมนตรีคลังอาเซียนที่ผ่านมา ที่จะมีการเพิ่มเงินทุนในกองทุน เพื่อให้ประเทศสมาชิกกู้เงินไปใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น จะทำให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ขณะนี้ อาเซียนเป็นสิ่งคาดหวังที่จะช่วยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เห็นได้จากการลงทุนระหว่างสมาชิกอาเซียนด้วยกัน แต่ยังไม่พอ ซึ่งสมาชิกอาเซียนได้ตั้งเป้าของการเจริญเติบโตแบบบูรณาการทั้งเรื่องการค้า การลงทุน การบริการ ที่จะทำให้มีการแข่งขันระหว่างกันมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ อยากจะขอเน้นให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องของการเจรจากับประเทศที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มอาเซียน โดยการประชุมครั้งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจที่บูรณาการที่เกิดขึ้น
"เราไม่ควรจะย้อนไปใช้นโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างกัน ต้องเน้นย้ำการเปิดการค้าเสรีในอาเซียน ขณะเดียวกันก็ต้องหาวิธีช่วยเหลือธุรกิจในอาเซียนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ไปพร้อมๆ กับเป้าหมายที่วางไว้"
สำหรับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ภาคธุรกิจควรร่วมกันผลักดันไม่ให้มีการกีดกันทางการค้า ซึ่งตนและประธานาธิบดีอินโดนีเซีย จะร่วมกันผลักดันในเรื่องนี้ในเวทีประชุม จี 20 ในเดือนเมษายน 2552 นี้ ที่ประเทศอังกฤษ เพราะควรนำบทเรียนของวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 มาเป็นบทเรียนที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกันในการแก้ปัญหาระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้บรรลุผล
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ขอบคุณนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่รับปากว่ากลุ่มจี 20 จะช่วยแก้ไขเศรษฐกิจของประเทศด้อยพัฒนา และในเดือนเมษายน 2552 ก็จะเดินทางไปประชุมกับกลุ่มจี 20 ซึ่งไทยมีความต้องการที่จะกระตุ้นความต้องการของผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น พร้อมอยากให้มีความมั่นใจในเศรษฐกิจของเอเซียที่ยังมีความแข็งแกร่ง