วธ.คาดส่งคืนโบราณวัตถุ 7 ชิ้น ให้เขมรได้ช่วงการประชุมอาเซียน+6 ครั้งที่ 4 วันที่ 10-12 เม.ย.นี้ ด้าน “บัวแก้ว” ทำหนังสือแจ้งสถานทูตกัมพูชา และทั่วโลก แสดงความจริงใจ หวังกระชับความสัมพันธ์เพื่อนบ้าน
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) พร้อมด้วย นางชมพูนุช นาครทรรพ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร แถลงข่าวเตรียมการส่งมอบโบราณวัตถุ 7 ชิ้นคืนประเทศกัมพูชา โดย นายธีระ กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ วธ.ทำหน้าที่ส่งคืนโบราณวัตถุ ซึ่งเป็นประติมากรรมรูปเศียรยักษ์และเศียรเทวดา จำนวน 7 ชิ้น จากทั้งหมด 43 ชิ้น ให้แก่ประเทศกัมพูชา ส่วน กต.จะทำหน้าที่ในการส่งหนังสือพร้อมประชาสัมพันธ์การส่งคืนโบราณวัตถุดังกล่าวไปยังสถานทูตทั่วโลก ทั้งนี้ จากการหารือกับ กต.ในเบื้องต้น คาดว่า ประเทศไทยจะดำเนินการส่งคืนโบราณวัตถุทั้ง 7 ชิ้น ในช่วงการประชุมอาเซียน+6 ครั้งที่ 4 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 10-12 เมษายนนี้ เพราะเห็นว่า น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม การส่งมอบครั้งนี้จะต้องมีการหารือกับ กต.และทางประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการถึงเวลาที่แน่ชัดอีกครั้ง
“ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 ที่จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของประเทศไทย จะได้ต้อนรับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ซึ่งผมจะมีการพูดคุยถึงการส่งคืนโบราณวัตถุที่ 7 ชิ้น กับท่านนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาด้วย ในขณะเดียวกันผมก็จะหารือกับกลุ่มประชาคมอาเซียน ถึงแนวทางการป้องกันการลักลอบขนโบราณวัตถุข้ามชาติ และการส่งคืนโบราณวัตถุให้แก่ประเทศเจ้าของด้วย เพื่อร่วมกันใช้มิติทางวัฒนธรรมในการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง”รมว.วัฒนธรรม กล่าว
นางชมพูนุช กล่าวว่า ขณะนี้ทาง กต.ได้ทำหนังสือเรื่องการส่งคืนโบราณวัตถุ 7 ชิ้น เป็นภาษาอังกฤษ ไปยังสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย เป็นแห่งแรก จากนั้นจะทยอยส่งไปยังสถานทูตทั่วโลกให้ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว เพื่อแสดงความจริงใจ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ในการต่อต้านด้านการเคลื่อนย้ายโดยผิดกฎหมาย และการลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งสังหาริมทรัพย์ทางวัฒนธรรมและส่งคืนให้ประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิด
ด้าน นายเกรียงไกร กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการส่งมอบโบราณวัตถุ ทั้ง 7 ชิ้น กรมศิลปากร จะต้องประสานกับกระทรวงพาณิชย์ในการขอใบอนุญาตส่งชิ้นส่วนโบราณวัตถุออกนอกประเทศ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายการส่งออก จากนั้นจะต้องให้กต.ประสานกับทางประเทศกัมพูชาว่า จะดำเนินการส่งคืนที่ใด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณชายแดน หรือลงนามรับที่กรุงเทพฯ รวมถึงจะต้องเตรียมพาหนะขนส่งให้เหมาะสมด้วย
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) พร้อมด้วย นางชมพูนุช นาครทรรพ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และนายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร แถลงข่าวเตรียมการส่งมอบโบราณวัตถุ 7 ชิ้นคืนประเทศกัมพูชา โดย นายธีระ กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ วธ.ทำหน้าที่ส่งคืนโบราณวัตถุ ซึ่งเป็นประติมากรรมรูปเศียรยักษ์และเศียรเทวดา จำนวน 7 ชิ้น จากทั้งหมด 43 ชิ้น ให้แก่ประเทศกัมพูชา ส่วน กต.จะทำหน้าที่ในการส่งหนังสือพร้อมประชาสัมพันธ์การส่งคืนโบราณวัตถุดังกล่าวไปยังสถานทูตทั่วโลก ทั้งนี้ จากการหารือกับ กต.ในเบื้องต้น คาดว่า ประเทศไทยจะดำเนินการส่งคืนโบราณวัตถุทั้ง 7 ชิ้น ในช่วงการประชุมอาเซียน+6 ครั้งที่ 4 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 10-12 เมษายนนี้ เพราะเห็นว่า น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม การส่งมอบครั้งนี้จะต้องมีการหารือกับ กต.และทางประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการถึงเวลาที่แน่ชัดอีกครั้ง
“ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 ที่จังหวัดเพชรบุรี ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของประเทศไทย จะได้ต้อนรับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชา ซึ่งผมจะมีการพูดคุยถึงการส่งคืนโบราณวัตถุที่ 7 ชิ้น กับท่านนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาด้วย ในขณะเดียวกันผมก็จะหารือกับกลุ่มประชาคมอาเซียน ถึงแนวทางการป้องกันการลักลอบขนโบราณวัตถุข้ามชาติ และการส่งคืนโบราณวัตถุให้แก่ประเทศเจ้าของด้วย เพื่อร่วมกันใช้มิติทางวัฒนธรรมในการสร้างประชาคมอาเซียนให้เข้มแข็ง”รมว.วัฒนธรรม กล่าว
นางชมพูนุช กล่าวว่า ขณะนี้ทาง กต.ได้ทำหนังสือเรื่องการส่งคืนโบราณวัตถุ 7 ชิ้น เป็นภาษาอังกฤษ ไปยังสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย เป็นแห่งแรก จากนั้นจะทยอยส่งไปยังสถานทูตทั่วโลกให้ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว เพื่อแสดงความจริงใจ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ในการต่อต้านด้านการเคลื่อนย้ายโดยผิดกฎหมาย และการลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งสังหาริมทรัพย์ทางวัฒนธรรมและส่งคืนให้ประเทศที่เป็นแหล่งกำเนิด
ด้าน นายเกรียงไกร กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการส่งมอบโบราณวัตถุ ทั้ง 7 ชิ้น กรมศิลปากร จะต้องประสานกับกระทรวงพาณิชย์ในการขอใบอนุญาตส่งชิ้นส่วนโบราณวัตถุออกนอกประเทศ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายการส่งออก จากนั้นจะต้องให้กต.ประสานกับทางประเทศกัมพูชาว่า จะดำเนินการส่งคืนที่ใด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณชายแดน หรือลงนามรับที่กรุงเทพฯ รวมถึงจะต้องเตรียมพาหนะขนส่งให้เหมาะสมด้วย
