xs
xsm
sm
md
lg

ประชุมอาเซียน+3 ภูเก็ต คึกคัก เล็งตั้งกองทุน 1.2 แสนล้านดอลลาร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประชุม รมต.คลังอาเซียน+3 บรรยากาศคึกคัก “ศุภวัฒน์” ยันความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพ เตรียมหารือกองทุนอาเซียน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ มั่นใจช่วยกระตุ้น ศก.ดีขึ้นได้ “สื่อไทย-เทศ” แห่ทำข่าวคึกคัก ขณะที่ “เอแบคโพลล์” เชื่อได้ประโยชน์น้อย แต่เชื่อจะประสบความสำเร็จ ผลสำรวจ ชี้ คนไทยไม่รู้จักเลขาฯ อาเซียน

นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 วาระพิเศษ (Special ASEAN+3 Finance Ministers’ Meeting: Special AFMM+3) ณ โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ ลูน่า ที่จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552 กระทรวงการคลังไทย เป็นเจ้าภาพจัดในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในกลุ่มของประเทศอาเซียน หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยจะเป็นการหารือร่วมกันเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น รวมไปถึงแลกเปลี่ยนแนวทางการแก้ไขของแต่ละประเทศ

ทั้งนี้ ประเทศไทย เห็นว่า กลุ่มประเทศอาเซียน+3 มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของโลก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลกน้อยที่สุด ดังนั้นการร่วมมือกันดูแลเศรษฐกิจภูมิภาคจะส่งผลดีต่อประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอื่นๆ ด้วย

การประชุมครั้งนี้ มีวาระสำคัญ 3 ด้านในการหารือครั้งนี้ คือ 1.เพื่อเป็นเวทีในการชี้แจงแนวการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอาเซียน+3 เพื่อให้เป็นแนวคิดและนำไปปรับใช้ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ

2.การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ G-20 เนื่องจากเกาหลีได้เป็นสมาชิกของประเทศจี 20 ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจระดับโลก 20 ประเทศ จึงต้องการนำเสนอแนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอาเซียน+3 ให้เวทีโลกได้รับทราบ เนื่องจากกลุ่มอาเซียนถือเป็นกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจโลกน้อยที่สุด และถือว่าเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งมาก ดังนั้น ความร่วมมือของกลุ่มจะส่งผลในการบวกต่อประเทศต่างๆ มาก

3.การพิจารณาความคืบหน้าในการดำเนินความร่วมมือตามมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่พหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation: CMIM) เพื่อเป็นกลไกในการเสริมสภาพคล่องทางการเงินระยะสั้นระหว่างกัน เพื่อให้การส่งเงินสมทบจากประเทศต่างๆมากขึ้น เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี จะส่งเงินสมทบประมาณร้อยละ 80 ของเงินกองทุนที่ตั้งไว้เบื้องต้น 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มอาเซียนจะส่งเงินสมทบประมาณร้อยละ 20 ส่วนไทยจะสมทบเบื้องต้น 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือไม่ต้องหารือได้ให้ข้อสรุปที่ชัดเจน

นอกจากนี้ จะมีการหารือเกี่ยวกับมาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Market Initiative: ABMI) เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของตลาดพันธบัตรเอเชีย ทั้งในด้านการเพิ่มอุปสงค์และอุปทาน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Market Infrastructure) ทั้งนี้การประชุม Special AFMM+3 นี้นับเป็นการประชุมวาระพิเศษเป็นครั้งแรก

โดยปกติแล้ว การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 (ASEAN+3 Finance Ministers’ Meeting) จะจัดประชุมปีละ 1 ครั้ง ในเดือนพฤษภาคม ก่อนการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารพัฒนาเอเชีย ซึ่งในปี 2552 นี้ การประชุม AFMM+3 ครั้งที่ 12 จะจัดขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคม 2552 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

**สื่อไทย-เทศ แห่ทำข่าวแน่นภูเก็ต

รายงานข่าวยังระบุว่า ในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน+3 วาระพิเศษ ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ ลูน่า ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งกระทรวงการคลังไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 21-22 กุมภาพัรธ์ 2552 นี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน 10 ประเทศ และรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น จีน และเกาหลี เลขาธิการอาเซียน และประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย

การประชุมรัฐมนตรีคลังวาระพิเศษในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจการเงินการคลังระหว่างประเทศอาเซียน+3 เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการป้องกันปัญหาจากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ระบบการเงินขาดเสถียรภาพ และราคาน้ำมันมีความผันผวน และเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ G-20 ที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงเดือนเมษายน 2552 นี้ โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเป็นตัวแทนของกลุ่มอาเซียนเสนอแนวทางแก้ปัญหาต่อที่ประชุม G-20 ตลอดจนการหารือขยายความร่วมมือตามมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่พหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) เพื่อเป็นกลไกในการเสริมสภาพคล่องทางการเงินระยะสั้นระหว่างกันจะทำให้เงินกองทุนเพิ่มขึ้นจาก 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มเป็น 120,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ปัจจัยดังกล่าวทำให้เวทีการประชุมในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศเดินทางมาจังหวัดภูเก็ตคอยติดตามผลการประชุมอย่างใกล้ชิดกว่า 100 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงดูแลรักษาความปลอดภัยในการประชุมครั้งนี้ประมาณ 1,300 นาย

**เอแบคโพลล์ เผยคนไทยไม่รู้จักเลขาฯ อาเซียน

สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผย ผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง “คนไทยคิดอย่างไร ต่อการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ในประเทศไทย” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 2,154 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 18-21 กุมภาพันธ์ 2552 พบว่า ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 81.3 ทราบข่าวการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 ในประเทศไทยครั้งนี้ แต่ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 83.5 ไม่ทราบว่า ใครคือเลขาธิการอาเซียน และมีเพียงร้อยละ 16.5 ที่ทราบว่า นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นเลขาธิการอาเซียน คนปัจจุบัน

ด้านการรับรู้ข่าวความร่วมมือกันในด้านต่างๆ ในการประชุมอาเซียนครั้งที่จะถึงนี้ แบบสอบถามพบว่า พบว่า 5 อันดับแรก คือ ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 73.0 ทราบข่าวการแก้ปัญหาผู้อพยพ หนีเข้าเมือง รองลงมา คือ ร้อยละ 72.1 ทราบข่าวการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว ร้อยละ 70.0 ทราบข่าวความร่วมมือทางการค้าการลงทุนระหว่างกลุ่มประเทศ ร้อยละ 68.5 ทราบข่าวการแก้ปัญหาพื้นที่ตามแนวชายแดน และร้อยละ 66.5 ทราบข่าวแนวทางแก้ปัญหายาเสพติด

ส่วนประเด็นปัญหาที่อยากให้มีการหยิบยกขึ้นมาแก้ไขร่วมกันในกลุ่มประเทศอาเซียน 5 อันดับแรก คือ ส่วนใหญ่ หรือ ร้อยละ 79.4 ระบุ ความร่วมมือทางการค้าการลงทุนระหว่างกลุ่มประเทศ รองลงมา คือ ร้อยละ 74.7 ระบุแนวทางแก้ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 71.7 ระบุ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในกลุ่มประเทศอาเซียน ร้อยละ 66.2 ระบุ การแก้ปัญหาแรงงานต่างด้าว และร้อยละ 65.9 ระบุ การแก้ปัญหาด้านผู้อพยพหนีเข้าเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น